| จอดรถบนถนนสาธารณะเจ้าของอาคารหน้าถนนมีสิทธิ์ห่วงกันถนนหรือไม่ | 
|---|
| ในชุมชนแออัดในเมือง ย่อมมีการก่อสร้างอาคาร บ้าน ติดถนนสาธารณะ ไม่มีที่จอดรถเป็นของตนเอง หรือไม่มีที่จอดรถให้แก่ลูกค้า เจ้าของอาคารร้านค้านั้น มักจะเอากรวยหรือสิ่งของ รวมถึงกระถางต้นไม้ มาวางบนถนนหน้าร้านของตนเอง ในกรณีเช่นนี้ จึงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า การกระทำของเจ้าของร้านดังกล่าวสามารถวางกระถางต้นไม้ หรือกรวย เพื่อห่วงกันที่จอดรถไว้สำหรับตนเองหรือลูกค้าของตนเองได้หรือไม่ ในประเด็นนี้ กฎหมายได้กำหนดว่า เจ้าของที่ดินหรืออาคารร้านค้า ไม่มีสิทธิ์ที่จะวางกรวยหรือสิ่งของไว้บนถนนสาธารณะ เพื่อจากเป็นการใช้สิทธิ์เกินส่วนของตนเป็นการกระทบต่อสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งมีสิทธิ์ใช้ถนนสาธารณะเช่นกัน ดังนั้น หากเป็นอย่างกรณีดังกล่าวแล้ว ผู้อื่นสามารถเสนอข้อเท็จจริงต่อศาล เพื่อให้เจ้าของร้านค้านั้นรื้อถอนกระถางต้นไม้ หรือห้ามมิให้วางกรวยบนถนนสาธารณะได้ หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง 
 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8293/2559 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่และบริวารใช้แดนกรรมสิทธิ์ฝั่งถนนของตนไม่เกินสิทธิของโจทก์ตามกฎหมาย  หากจำเลยทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตามขอให้ร่วมกันชดใช้เงินเป็นค่าปรับวันละ 10,000 บาท  แก่โจทก์นับจากวันพิพากษาจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะปฏิบัติตามกฎหมาย  ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ  ประเมินความเสียหายจากการไม่ได้ใช้สถานที่เป็นเงิน 10,209.28 บาท ต่อวัน นับจากวันที่เกิดข้อพิพาทในการใช้ทางร่วมจนถึงวันฟ้อง 801  วัน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 8,177,633.28 บาท  พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี  แก่โจทก์นับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่ง | 
| มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า  การใช้สิทธิจอดรถของจำเลยทั้งสี่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น  และเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคาดหมายหรือไม่  เห็นว่า การใช้ถนนสาธารณะเป็นที่จอดรถ หากไม่มีข้อห้ามตามกฎหมายเป็นอย่างอื่น  เจ้าของที่ดินที่มีอาคารติดกับถนนสาธารณะ ก็อาจใช้ทางสาธารณะเป็นที่จอดรถของตนได้  แต่จะต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลักก่อน โดยต้องเว้นทางสำหรับรถยนต์ในซอยซึ่งมีความกว้างประมาณ  2 เมตร  ให้เข้าออกได้เป็นลำดับแรก แล้วเจ้าของอาคารทั้งสองฝั่งถนนรวมถึงบุคคลทั่วไป  จึงจะมีสิทธิใช้ทางส่วนที่เหลือเป็นที่จอดรถบนหลักของความเสมอภาค  โดยไม่จำต้องคำนึงว่าใครจะเป็นผู้มาใช้สิทธิจอดรถก่อนหลังกัน ประกอบกับกฎกระทรวงที่กำหนดให้ร่นแนวอาคารห่างจากเขตถนนสาธารณะ  มีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่การจราจรด้วย  การที่จำเลยทั้งสี่ใช้พื้นที่ถนนสาธารณะซึ่งมีความกว้างเพียง 4 เมตร จอดรถของตนทั้งคันในลักษณะหวงกันการใช้ประโยชน์ของผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่ควรจะใช้แนวร่นอาคาร  1 เมตร  ที่อยู่ติดกับถนนสาธารณะดังกล่าวของตนประกอบการจอดรถด้วย  แต่กลับใช้เป็นที่วางกระถางต้นไม้  ซึ่งมิใช่เหตุจำเป็นที่จะใช้แนวร่นอาคารเพื่อการนั้น  ย่อมเป็นการกระทำที่เกินสิทธิของตนและคำนึงถึงประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว  โดยไม่คำนึงถึงสิทธิในการใช้ทางสาธารณประโยชน์ของผู้อื่นที่มีอยู่ร่วมกัน  เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนเกินควร  ไม่สามารถใช้พื้นที่ถนนส่วนที่เหลือในการจอดรถของตนได้  จึงรับฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นอันมิชอบด้วยกฎหมาย  เป็นการกระทำละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และมาตรา 421 และถือว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษแล้ว  โจทก์จึงมีสิทธิ์ขอบังคับให้จำเลยทั้งสี่จอดรถในแนวร่นอาคารอันเป็นแดนกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสี่ได้  กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 เนื่องจากโจทก์มิใช่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์  ซึ่งในการจอดรถนั้นจำเลยทั้งสี่จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522  มาตรา 57 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งเป็นบทบังคับแห่งกฎหมายอันมีที่ประสงค์เพื่อจะปกป้องบุคคลอื่น ๆ ด้วย  ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยทั้งสี่ไม่เป็นละเมิดนั้น  ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย 
 ท่านสามารถอ่านบทความเป็นเกร็ดความรู้กฎหมายได้โดยการคลิกลิงค์ล่างข้างนี้  |