| ตัวอย่างที่  ๒  ทราบว่า  ท. มีโจทก์เป็นภริยาแล้ว ชู้ยังติดต่อคบหาสมาคมกับ ท. และติดตาม ท.  มาถึงสถานที่ทำงาน อยู่ในห้องทำงานของ ท. และมีเพศสัมพันธ์กันซึ่งมิใช่ที่รโหฐาน  ปกปิดมิดชิดไม่มีผู้ใดล่วงรู้  ดังคำพิพากษาศาลฎีกาที่  10842/2559  ทั้งก่อนและหลังจากจำเลยทราบว่า  ท. มีโจทก์เป็นภริยาแล้ว จำเลยยังติดต่อคบหาสมาคมกับ ท. และติดตาม ท.  มาถึงสถานที่ทำงาน อยู่ในห้องทำงานของ ท. และมีเพศสัมพันธ์กันซึ่งมิใช่ที่รโหฐาน  ปกปิดมิดชิดไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เมื่อคนงานและเพื่อนร่วมงาน ท. ทราบว่า ท.  มีภริยาแล้วและพบเห็นจำเลยกับ ท. มาที่บริษัท โดยจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยกับ  ท. มีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ หลังจากจำเลยทราบว่า ท. มีภริยาแล้ว  ย่อมทำให้วิญญูชนทั่วไปมีเหตุอันควรเชื่อและเข้าใจว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับ  ท. มากกว่าที่จะรู้จักกันในฐานะลูกค้าหรือบุคคลธรรมดาที่รู้จักกันทั่วไป ข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับ  ท. สามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง แล้ว  พฤติการณ์แห่งคดีที่ฟังยุติมาข้างต้นมิอาจแปลความว่า  การกระทำของจำเลยมีลักษณะลักลอบมีเพศสัมพันธ์กับ ท.  และพยายามปกปิดการกระทำให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยกับ ท.
 หนี้ของชู้ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายเกิดขึ้นเมื่อไหร่
 เมื่อมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากชู้แล้ว  ชู้ย่อมมีหนี้กับคู่สมรสที่ถูกกระทำทันที  หากปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นมาว่า   มีการโยกย้ายทรัพย์สินเพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกบังคับคดีภายหลังจากมีการฟ้องคดีข้อหาเรียกค่าเสียหายฐานเป็นชู้แล้ว  ย่อมเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ได้  ซึ่งมีโทษจำคุก   เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8774/2550  ป.อ. มาตรา 350 บัญญัติว่า  "ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน  ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น  หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี  แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"  จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวย่อมเป็นที่เห็นได้ว่า เจ้าหนี้ที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้  มิได้หมายถึงเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น  หากแต่ยังมีความหมายรวมถึงเจ้าหนี้อื่นซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิฟ้องให้ชำระหนี้ด้วย  นอกจากนี้ ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง ก็บัญญัติว่า "สามีจะเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็ได้..."  แสดงว่าสภาพความเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยเกิดขึ้นทันทีที่จำเลยเป็นชู้กับภริยาโจทก์  ส่วนคำพิพากษาของศาลที่บังคับให้มีการชดใช้ค่าทดแทนกันมิได้ก่อให้เกิดหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย  แต่เป็นการบังคับความรับผิดแห่งหนี้ที่โจทก์กับจำเลยมีต่อกัน  กรณีถือได้ว่าโจทก์อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่มีอำนาจฟ้องจำเลยแล้ว  การกระทำของจำเลยจึงครบองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350
                 อายุความในการฟ้องชู้มีกี่ปีอายุความในการฟ้องชู้กฎหมายกำหนดให้ต้องทำการฟ้องภายใน  ๑  ปี  นับแต่ผู้อ้างรู้หรือควรรู้ความจริง  ทั้งนี้   เป็นไปตามมาตรา  1529
 แต่อย่างไรก็ตาม  หากว่า   ชู้ยังคงทำชู้ต่อไปจนถึงวันฟ้องคดีแล้ว   ยังไม่เลิกราที่จะทำชู้กับคู่สมรส   อายุความในการฟ้องคดีก็ยังคงไม่นับ   ทั้งนี้เป็นไปตาม  คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6804/2558   ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1529  สิทธิฟ้องร้องโดยอาศัยเหตุในมาตรา 1516 (1) (2) (3) หรือ (6) หรือมาตรา 1523  ย่อมระงับไปเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี  นับแต่วันผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง หมายถึง  กรณีที่เหตุที่กล่าวอ้างนั้นมิได้เกิดเหตุนั้นอีก  สิทธิฟ้องร้องจึงระงับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี  นับแต่วันผู้กล่าวอ้างรู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้าง แต่จำเลยที่  2 ยังคงประพฤติเหตุดังกล่าวภายหลังวันที่จำเลยที่ 2  อ้างว่าโจทก์รู้หรือควรรู้ความจริงซึ่งตนอาจยกขึ้นกล่าวอ้างได้  อันเป็นการกระทำเหตุดังกล่าวต่อเนื่อง สิทธิฟ้องร้องของโจทก์จึงยังไม่ระงับไป  คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
                 การกำหนดค่าเสียหายของศาล  ศาลจะกำหนดค่าเสียหายตามฐานานุรูปของโจทก์คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2498/2552  ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1525  วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า  การกำหนดค่าทดแทนกรณีศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุสามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามีเป็นชู้  หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณตามมาตรา 1516 (1)  ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากหญิงอื่นหรือชู้  ตามมาตรา 1523 วรรคหนึ่ง นั้น  ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์โดยศาลจะสั่งให้ชำระครั้งดียวหรือแบ่งชำระเป็นงวดๆ  มีกำหนดเวลาตามที่ศาลจะเห็นสมควรก็ได้ และวรรคสองบัญญัติว่า  ในกรณีที่ผู้จะต้องชำระค่าทดแทนเป็นคู่สมรสของอีกฝ่ายหนึ่ง  ให้ศาลคำนึงถึงจำนวนทรัพย์สินที่คู่สมรสนั้นได้รับไปจากการแบ่งสินสมรสเพราะการหย่านั้นด้วย  เมื่อโจทก์เรียกค่าทดแทนจากจำเลยซึ่งเป็นคู่สมรสเป็นเงิน 5,000,000 บาท  โดยมิได้แสดงพฤติการณ์พิเศษให้เห็นว่าเพราะเหตุใดโจทก์จึงควรได้ค่าทดแทนจำนวนดังกล่าว  ศาลจึงต้องกำหนดโดยคำนึงถึงฐานานุรูปของโจทก์ จำเลยและพฤติการณ์แห่งคดี  อีกทั้งทรัพย์สินที่โจทก์ได้รับจากการแบ่งสินสมรสตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองตามบทบัญญัติมาตรา  1525 ดังกล่าว ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดค่าทดแทนเพราะเหตุจำเลยอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นฉันภริยาเป็นเงิน  500,000 บาท  นับว่าเหมาะสมตามควรแก่พฤติการณ์แล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะกำหนดค่าทดแทนให้มากไปกว่านี้
 |