ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินเกินส่วนของตน |
|||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ในบางครั้ง ผู้ทำพินัยกรรมมีกรรมสิทธิ์รวมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส กรรมสิทธิ์รวม เป็นต้น ทรัพย์สินเหล่านี้ ไม่ได้เป็นของผู้ทำพินัยกรรมแต่เพียงผู้เดียว แต่ผู้อื่นยังมีส่วนในทรัพย์สินนั้นๆ ร่วมกับผู้จัดทำพินัยกรรมรวมผู้ด้วย ดังนั้น ผู้จัดทำพินัยกรรมจึงไม่มีส่วนในทรัพย์สินของตนเองเต็มส่วนในทรัพย์นั้น ในปัญหาดังกล่าวนำมาสู่ประเด็นที่ว่า ผู้จัดทำพินัยกรรมได้ระบุในพินัยกรรมว่า ต้องการยกทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมทั้งหมดให้แก่ผู้รับพินัยกรรม จึงมีปัญหาว่า การยกทรัพย์มรดกเกินส่วนของตนเองเช่นนี้ สามารถทำได้หรือไม่ และมีความสมบูรณ์หรือตกเป็นโมฆะเพียงใด คำตอบ แม้ผู้ทำพินัยกรรมจะระบุว่า ยกทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่ผู้รับพินัยกรรม แต่ก็มีผลเพียงเท่าที่ผู้จัดทำพินัยกรรมมีส่วนในกรรมสิทธิ์รวมเท่านั้น ไม่สามารถยกทรัพย์สินในส่วนของกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นให้แก่ผู้รับพินัยกรรมได้
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย มาตรา 1481 สามีหรือภริยาไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกสินสมรสที่เกินกว่าส่วนของตนให้แก่บุคคลใดได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 บุคคลใดจะแสดงเจตนาโดยพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตนเอง หรือในการต่าง ๆ อันจะให้เกิดเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อตนตายก็ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2559
ป.พ.พ. มาตรา 1481, 1646, 1705
พินัยกรรมหรือข้อกำหนดพินัยกรรมย่อมตกเป็นโมฆะ ถ้าได้ทำขึ้นขัดต่อบทบัญญัติแห่งมาตรา 1652, 1653, 1656, 1657, 1658, 1660, 1661 หรือ 1663 ทั้งนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1705 ที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือเนื้อที่ 11 ไร่ 87 ตารางวา เป็นสินสมรสส่วนของโจทก์เพียง 8 ไร่ 2 งาน 7,0625 ตารางวา โจทก์จึงมีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินส่วนดังกล่าวหลังจากที่จดทะเบียนหย่า การที่ ส. ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดินพิพาทส่วนที่เหลือดังกล่าวให้แก่จำเลย จึงไม่ใช่กรณีตาม ป.พ.พ. บรรพ 5 ที่ตรวจแก้ไขชำระใหม่ พ.ศ.2519 มาตรา 1481 ที่บัญญัติ "สามีหรือภริยาไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกสินสมรสเกินกว่าส่วนของตนให้แก่บุคคลใดได้" เพราะขณะทำพินัยกรรมโจทก์และ ส. ไม่ได้เป็นสามีภริยากันแล้ว ทั้งบทบัญญัติดังกล่าวก็ไม่ใช่บทมาตราที่จะตกเป็นโมฆะตามที่มาตรา 1705 บัญญัติ แต่เป็นการทำพินัยกรรมกำหนด การเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ใช่ในเรื่องทรัพย์สินของตนเองตามมาตรา 1646 ก็มีผลเพียงว่า ข้อกำหนดที่ยกที่ดินพิพาทส่วนของผู้อื่นไม่มีผลบังคับเท่านั้น ส่วนข้อกำหนดอื่น เช่น การตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกคงมีผลบังคับได้ ดังนี้ หาทำให้พินัยกรรมตกเป็นโมฆะไม่เนื่องจากไม่ต้องด้วยกรณีตามมาตรา 1705 เช่นกัน โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาเพิกถอนพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองและข้อกำหนดในพินัยกรรมที่นายสวัสดิ์ทำไว้เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2549 เพิกถอนการจดทะเบียนการรับโอนมรดกที่จำเลยในฐานะส่วนตัวและฐานะผู้จัดการมรดกจดทะเบียนไว้ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2555 ให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2215 ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม (บางปลา) จังหวัดนครปฐม (นครไชยศรี) เนื้อที่ 11 ไร่ 87 ตารางวา พร้อมบ้านเลขที่ 54 และ 54/1 แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้โจทก์มีสิทธิดำเนินการได้เองโดยถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา และหากไม่สามารถดำเนินการได้เพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องหรือไม่ว่าเพราะเหตุใด ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามมูลค่าที่ดินและบ้านจำนวน 2,750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจากการที่นายสวัสดิ์จำหน่ายที่ดินพิพาทเกินส่วนไปจำนวน 3 ไร่ เป็นเงิน 750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2215 ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม (บางปลา) จังหวัดนครปฐม (นครไชยศรี) เนื้อที่ 14 ไร่ 78.437 ตารางวา เป็นสินสมรสส่วนของโจทก์ พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองของนายสวัสดิ์ ฉบับลงวันที่ 4 มกราคม 2549 ไม่มีผลผูกพันและบังคับถึงที่ดินสินสมรสในส่วนของโจทก์ได้ ให้จำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมรดกจดทะเบียนโอนที่ดินแปลงดังกล่าวส่วนที่เหลือเนื้อที่ 11 ไร่ 87 ตารางวา คืนแก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการ |
|||||||||
แสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสวัสดิ์ ผู้ตายใช้หนี้ค่าที่ดินแก่โจทก์ 744,648.13 บาท จากกองมรดกผู้ตาย พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ราคาแทนหากโอนที่ดินให้แก่โจทก์ไม่ได้นั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยแล้ว จึงไม่จำต้องกำหนดให้จำเลยใช้ราคาแทนอีก กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก |