| ยกตัวอย่างเช่น  เมื่อวันที่   1  มกราคม  2560  นาย  ก  ได้จดทะเบียนสมรสกันกับนางสาว ข  แต่นาย ก และนาง ข  ไม่ได้จัดพิธีแต่งงานทางศาสนา  จนกระทั่ง  เมื่อวันที่  30   ธันวาคม  2562  นาย   ก  ได้ทำชู้กับนางสาว ง  นาง ข   จับได้ว่า  นาย  ก   มีชู้  นาง ข  สามารถฟ้องหย่า  นาย   ก  ได้  เป็นต้น   ในทางกลับกัน  หากไม่ได้จดทะเบียนสมรส  แม้จะมีการจัดพิธีทางศาสนาแล้วก็ตาม  ก็ไม่ถือว่ามีการสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมายไม่มีสิทธิตามมาตรา  1516   ยกตัวอย่างเช่น  เมื่อวันที่   14  กุมภาพันธ์  2560  นาย  เอ   จัดพิธีแต่งานกับ  นางสาว  บี   โดยนาย  เอ  สัญญากับนางสาว  บี  ว่า  ในอีก  3  อาทิตย์   จะไปจนทะเบียนสมรสกับนางสาว   บี  ปรากฏว่า  เมื่อครบกำหนดนาย  เอ   ไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสกับนางสาว   บี  และต่อมา  เมื่อวันที่   1  มกราคม  2562   นางสาว  บี  จับได้ว่า   นาย  เอ  มีชู้เป็นนางสาวซี  เช่นนี้   นางสาวบีจะฟ้องหย่านาย  เอ  ไม่ได้   รวมถึงจะเรียกร้องค่าเสียหายจากนางสาวซี   ก็ไม่ได้เช่นกัน  เป็นต้น  ดังนั้น   การจะเกิดสิทธิในการฟ้องหย่าได้จะต้องมีการจดทะเบียนสมรสเสียก่อน ตามกฎหมายมาตรา  1516(1)   คำต่อไปคำว่า  “อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี  เป็นชู้หรือมีชู้  หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ”   นั้น  มีความหมายว่า  ยกย่องผู้หญิงคนอื่นหรือผู้ชายคนอื่น  เป็นภริยาหรือสามีของตนเองอีกคนหนึ่ง   โดยมีการแสดงออกให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบว่าผู้หญิงหรือผู้ชายอื่น  เป็นภริยาหรือสามีของตนเอง   ยกตัวอย่างเช่น  (1)ชายหรือหญิงอื่นนั้นมาอยู่บ้านด้วย   จนมีบุตรร่วมกัน   นอกจากนั้นยังให้ใช้นามสกุล หรือ(2)แม้แต่ไม่เคยพาออกสังคมหรือแนะนำให้บุคคลอื่นได้รับทราบว่าเป็นภริยา   แต่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผยในหมู่บ้านที่เป็นชุมชนในเวลากลางคืน  ไปรับเมื่อมีธุระหรือซื้ออาหารด้วยกัน  เป็นต้น
 ตัวอย่างคำพิพากษาของศาลฎีกาดังนี้  ตัวอย่างที่   1  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2561/2561  โจทก์นำ  จ.มาอยู่ในบ้านโจทก์และอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาจนมีบุตรด้วยกัน 1 คน  โดยโจทก์ให้ใช้นามสกุลของโจทก์  พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์อุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภรรยา  เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ให้อภัยในการกระทำของโจทก์  จำเลยจึงมีเหตุฟ้องหย่าโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา1516 (1)
 ตัวอย่างที่  2  คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6516/2552แม้จำเลยที่ 1 จะไม่เคยพาจำเลยที่ 2 ออกงานสังคม  หรือแนะนำให้บุคคลอื่นรู้จักในฐานะภริยาแต่การที่จำเลยทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผยอยู่ในบ้านซึ่งปลูกสร้างในแหล่งชุมชนด้วยกันในเวลากลางคืน  ขับรถรับส่งเมื่อไปทำกิจธุระหรือซื้ออาหารด้วยกัน ย่อมบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและเอื้ออาทรดูแลเอาใจใส่ต่อกัน  แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยาอันเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516  (1) แล้ว และโจทก์ยังมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2  ที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีโจทก์ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่  1 ต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคหนึ่ง ได้อีกด้วย
 หลักฐานในการฟ้องหย่าในเบื้องต้นมีดังนี้
 1.ใบทะเบียนสมรส
 2.หลักฐานการโอนเงินอุปการะเลี้ยงดูชู้
 3.หลักฐานการสนทนา(ถ้ามี)
 4.ภาพถ่ายความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสกับชู้
 5.หลักฐานการรับรองบุตรหรือใบสูติบัตรบุตรระหว่างคู่สมรสกับชู้(ถ้ามี)
 6.หลักฐานการให้ใช้ชื่อสกุล(ถ้ามี)
 7.ชื่อและนามสกุลของชู้
 8.อื่นๆ ( ตามข้อเท็จจริงเป็นกรณีๆไป)
 บทความอ่านต่อเนื่อง นอกจาก   คู่สมรสสามารถฟ้องหย่าได้   ตามมาตรา  1516(1)   แล้ว  คู่สมรส  ยังสามารถฟ้องชายหรือหญิงที่มาเป็นชู้ให้ชดใช้ค่าเสียหายได้อีกด้วย  อ่านบทความต่อไป
 ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ (คลิก) |