| ไม่ได้จดทะเบียนสมรสบิดาต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรหรือไม่ | 
|---|
| ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรนั้นเป็นปัญหาใหญ่ของพ่อแม่ที่มีปัญหาทางด้านครอบครัวที่ต้องแยกทางกันเพราะหลายปัจจัย ซึ่งเหตุแห่งการแยกทางกันนั้นเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคลไป การแยกทางกันเป็นเหตุให้ต้องมาพิจารณาว่า ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจะเรียกเอาจากผู้เป็นพ่อได้หรือไม่           หลักเกณฑ์การที่กฎหมายกำหนดในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรนั้น  กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ในมาตรา ๑๕๖๔  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ได้บัญญัติว่า               คำว่า บิดา  นั้น   กฎหมายกำหนดว่าจะต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย  หรือต้องจดทะเบียนสมรสกับมารดาเด็ก  หรือต้องร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรของขาย   จึงจะทำให้บิดาเกิดหน้าที่ในการที่ต้องอปุการะเลี้ยงดูบุตรได้  หากมีข้อเท็จจริงเพียงว่า  บิดาให้ใช้นามสกุล  บิดาส่งเสียเลี้ยงดูในค่าเล่าเรียน  แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส  ต่อมาบิดาและมารดาแยกทางกัน  มารดาจะฟ้องให้บิดาจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเพียงข้อหาเดียวไม่ได้   แต่มารดาจะต้องฟ้องบิดาให้รับเด็กเป็นบุตรและฟ้องให้ชดใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรด้วย  จึงจะสามารถเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรจากฝ่ายชายได้   คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2548 ป.พ.พ. มาตรา 443 วรรคสาม  กำหนดให้ผู้กระทำละเมิดในกรณีทำให้เขาถึงตายรับผิดต่อบุคคลที่ต้องขาดไร้อุปการะเฉพาะที่ผู้ตายมีหน้าที่อุปการะตามกฎหมายเท่านั้น  แต่ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1563 และมาตรา 1564 บัญญัติให้บุตรและบิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูกันนั้น หมายถึงบุตรและบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น  ไม่มีบทบัญญัติกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมายแต่ประการใด  ดังนั้น  แม้บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วจะเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของบิดาได้  แต่ก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดา บุตรนอกกฎหมายจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะจากผู้กระทำละเมิดให้บิดาตนถึงแก่ความตายได้ คำพิพากษาตัวเต็ม  | 
| ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  "ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์ที่ 3 เป็นบุตรนอกกฎหมายที่นายพงษ์เทพ พัฒโนทัย  ผู้เป็นบิดาได้รับรองแล้ว เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2542  ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 81 - 0304 นครสวรรค์  ไปในทางการที่จ้างของจำเลยด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน  บง - 1797 อุทัยธานี  ซึ่งมีนายพงษ์เทพโดยสารมาและนายพงษ์เทพถึงแก่ความตาย  อันเป็นการกระทำละเมิดต่อนายพงษ์เทพ คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ 3  ว่า บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว  ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย  จึงเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายได้ตามมาตรา 1629 (1) นั้นจะมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดเพราะเหตุที่การตายลงนั้นทำให้ตนต้องขาดไร้อุปการะหรือไม่  เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 วรรคสาม  นั้น  กำหนดให้ผู้กระทำละเมิดในกรณีทำให้เขาถึงตายรับผิดต่อบุคคลที่ต้องขาดไร้อุปการะเฉพาะที่ผู้ตายมีหน้าที่อุปการะตามกฎหมายเท่านั้น  แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1563 และมาตรา 1564  บัญญัติให้บุตรและบิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูกันนั้น  หมายถึงบุตรและบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น  ไม่มีบทบัญญัติกำหนดสิทธิและหน้าที่ให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมายแต่ประการใด  ดังนั้น แม้บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วจะเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของบิดาได้  แต่ก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากบิดา  บุตรนอกกฎหมายจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากผู้กระทำละเมิดให้บิดาตนถึงแก่ความตายได้  ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวกับอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน  แม้จำเลยจะมิได้ให้การต่อสู้และมิได้ยกขึ้นอ้างในการยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6  ก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค  6 ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ที่ 3 ฟังไม่ขึ้น" 
 บทความอื่นที่น่าสนใจ- หากแกล้งไปจดทะเบียนหย่า จะมีผลทางกฎหมายอย่างไร -หลักเกณฑ์การรับและเลิกรับบุตรธรรมจะเป็นอย่างไร -ฟ้องหย่าเพราะสามีหรือภริยามีชู้ -ไปทำงานที่อื่นไม่ยอมกลับมาดูแลภริยาและลูกฟ้องหย่าได - ชอบดื่มสุรา กลับบ้านดึก ด่าว่าหยาบคาย ฟ้องหย่าได้ |