คำว่า ประมาท ตามกฎหมายแล้ว มีความหมายว่าอย่างไร |
|||
---|---|---|---|
คำว่าประมาทในทางกฎหมายเป็นอย่างไร มีข้อสังเกตยังไงนั้นเชิญเข้ามาดู |
|||
ทนายเชียงใหม่ จะแนะนำข้อกฎหมายในทางอาญาว่า กฎหมายอาญามองคำว่า ประมาทว่า เป็นอย่างไร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ |
|||
|
หลังรถยนต์เก๋งมีรถโจทก์ที่ 2 แล่นตามอยู่ในระยะห่าง 200 เมตร พอห่างทางแยกประมาณ 30 เมตร พยานเบนรถเลี้ยวขวา รถยนต์เก๋งแซงซ้ายรถพยานไปรถของพยานอยู่ห่างเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนประมาณเมตรเศษในลักษณะเฉียงจะเลี้ยวขวาเข้าทางแยก รถโจทก์ที่ 2 ไม่สามารถหักหลบไปทางซ้ายเพราะติดรถยนต์เก๋ง จึงเกิดเฉี่ยวชนกันนอกจากตัวจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์บรรทุกแล้ว ยังมีนาย ว. และนาย น. คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างปากทางเข้าบ้านไร่ดอนแตงเบิกความทำนองเดียวกันว่า ระหว่างรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 1 กับรถยนต์โดยสารปรับอากาศของโจทก์ที่ 2 ยังมีรถยนต์เก๋งอีกคันหนึ่ง โดยรถจำเลยที่ 1 แล่นนำหน้ารถยนต์เก๋งรถโจทก์ที่ 2 แล่นตามรถยนต์เก๋ง รถจำเลยที่ 1 ให้สัญญาณเลี้ยวขวา และได้ยินเสียงห้ามล้อรถโจทก์ที่ 2 สองครั้งและแล่นทางขวาตีคู่กับรถยนต์เก๋งในขณะที่รถจำเลยที่ 1 เบนเลี้ยวขวาแล้ว รถโจทก์ที่ 2 เสียหลักคล้ายห้ามล้อไม่อยู่ และไม่สามารถหักหลบซ้ายเพราะติดรถยนต์เก๋งรถโจทก์ที่ 2 จึงพุ่งชนรถจำเลยที่ 1 ตรงล้อขวาหลัง เมื่อพิเคราะห์คำพยานของทั้งสองฝ่ายประกอบคำเบิกความของร้อยตำรวจโท ป. ซึ่งได้ออกไปตรวจที่เกิดเหตุว่า พบรอยครูดของรถยนต์บรรทุกน้ำปลาบนถนนที่เกิดเหตุ และรอยครูดดังกล่าวห่างจากเส้นแบ่งกึ่งกลางถนน 1 เมตรเศษ ซึ่งสอดคล้องกับรอยคราบน้ำมันที่เปรอะเปื้อนบนถนนที่จุดเกิดเหตุแสดงว่าจุดชนอยู่เลยจุดกึ่งกลางถนนไปทางขวามือแล้ว ข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อตามที่จำเลยนำสืบว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ขับรถตามกันมา โดยมีรถยนต์เก๋งวิ่งอยู่ระหว่างรถของคนทั้งสอง ก่อนถึงที่เกิดเหตุจำเลยที่ 1ได้ให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวา การที่โจทก์ที่ 2 ขับรถไปชนรถยนต์บรรทุกโดยที่จุดชนอยู่เลยกึ่งกลางถนนไปทางขวามือแล้ว แสดงว่าโจทก์ที่ 2ตั้งใจขับรถแซงรถยนต์เก๋งและรถยนต์บรรทุกขึ้นไปทางด้านขวาจากคำเบิกความของร้อยตำรวจโทประสิทธิ์ ได้ความว่าไม่พบรอยเบรกของรถยนต์โดยสารปรับอากาศเลย และเมื่อพิจารณาถึงความเสียหายของรถยนต์บรรทุกที่ด้านขวาพังเสียหายทั้งแถบ แสดงว่า โจทก์ที่ 2 ขับรถแซงขวามาด้วยความเร็วสูง และขับตามรถคันหน้าอย่างกระชั้นชิดเมื่อพบรถยนต์บรรทุกกำลังเบนรถเลี้ยวขวาก็ไม่สามารถหยุดหรือชะลอความเร็วลงได้ เหตุที่รถทั้งสองคันชนกันจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์ที่ 2 ฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 มิได้มีส่วนประมาทเลินเล่อด้วย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5082/2533 |
โดย ทนายความเชียงใหม่ |