สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

นำทรัพย์ที่เช่าซื้อไปจำนำผิดยักยอก

การที่ผู้เช่าซื้อได้เช่าซื้อทรัพย์สินมาจากผู้ให้เช่าซื้อ  ทำให้ผู้เช่าซื้อมีสิทธิที่จะใช้ทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้  ทำให้มีสิทธิครอบครองทรัพย์สินที่เช่าซื้อนั้นๆ  แต่ตราบใดทรัพย์สินที่เช่าซื้อยังไม่ได้ชำระเงินตามสัญญาเช่าซื้อให้ครบถ้วนแล้ว  กรรมสิทธิ์ในสัญญาเช่าซื้อ  ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ   

หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

                มาตรา 352  ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่งหนึ่ง

องค์ประกอบของกฎหมาย
๑.ผู้ใด  หมายความว่า  ผู้ที่มีสิทธิครอบครองทรัพย์สินของผู้เสียหาย  หรือผู้มีการครอบครองทรัพย์สินของผู้เสียหาย
๒.ทรัพย์  หมายความว่า   จะเป็นสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ก็ได้  ตัวอย่างเช่น  รถยนต์ที่เช่าซื้อ  เครื่องจักรที่เช่าซื้อ  เป็นต้น
๓.ผู้อื่น  หมายความว่า  เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ครอบครอง  รวมถึงเจ้าของรวมด้วย
๔.เบียดบัง  หมายความว่า  เอาเป็นของตนเองหรือผู้อื่น  หรือได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
๕.โดยทุจริต  หมายความว่า  แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

คำตัดสินที่เกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2507

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าซื้อจักรเย็บผ้า 1 หลังจากบริษัทซิงเกอร์โชอิงแมชีน. จำเลยต้องส่งเงินค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือน ได้ผ่อนชำระมาบ้างแล้ว ที่เหลือจำเลยไม่ยอมชำระ และจำเลยได้นำเอาจักรดังกล่าวไปจำนำเสียที่สถานธนานุบาล โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเบียดบังเอาจักร เป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้ พอแปลความหมายได้ว่าจำเลยเบียดบังเอาจักรเป็นของตนโดยทุจริต อันเป็นองค์สำคัญในความผิดทางอาญาฐานยักยอกแล้วฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำผิดทางอาญาฐานยักยอกโดยสมบูรณ์ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาแล้ว ศาลก็ลงโทษจำเลยได้
___________________________

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2506 จำเลยเช่าซื้อจักรเย็บผ้ายี่ห้อซิงเกอร์ราคา 4,080 บาท จากบริษัทซิงเกอร์โชอิงแมชีน สาขานครราชสีมา โดยจำเลยต้องส่งเงินค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือนเดือนละ 120 บาท จำเลยผ่อนชำระมาแล้ว 960 บาท คงเหลือ 3,120 บาท จำเลยไม่ยอมชำระ และจำเลยได้นำเอาจักรหลังดังกล่าวไปจำนำเสียที่สถานธนานุบาลจังหวัดนครราชสีมา เป็นเงิน 1,400 บาท ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนแรกที่จำเลยเริ่มเช่าซื้อ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเบียดบังเอาจักรนั้นไปเป็นอาญาประโยชน์ส่วนตัวเหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ไม่ต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ตามคำบรรยายฟ้องเป็นเรื่องผิดสัญญาเช่าซื้อในทางแพ่งคดีไม่เป็นยักยอก ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำบรรยายฟ้องครบองค์ความผิดฐานยักยอกแล้วเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ไม่ต่อสู้คดีอย่างใด ก็ต้องมีความผิดฐานยักยอก พิพากษากลับว่าจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จำคุก 6 เดือน ลดรับสารภาพกึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว อันสัญญาเช่าซื้อนั้น คือ สัญญาเช่าที่เจ้าของทรัพย์สินให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น หรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว ในเรื่องนี้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่ายังชำระเงินให้ไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในจักรที่เช่ายังเป็นของบริษัทซิงเกอร์โชอิงแมชีน จำกัด ผู้ให้เช่าอยู่ในระหว่างนั้นจำเลยครอบครองจักรในฐานะผู้เช่า การที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้วนำจักรไปจำนำเสียนั้น เป็นผิดสัญญาทางแพ่งก็จริงอยู่ แต่มิใช่ว่าการผิดสัญญาทางแพ่งเช่นนี้ไม่อาจจะเป็นผิดในทางอาญาเสียเลยทีเดียวก็หาไม่ หากว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเสีย ก็ย่อมเป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอกอีกด้วย ตามนัยฎีกาที่ 1165/2468 โจทก์กล่าวความมาในฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเบียดบังเอาจักรเป็นของตนโดยทุจริต อันเป็นองค์สำคัญในความผิดทางอาญาฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แล้วฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้กระทำความผิดทางอาญาฐานยักยอกโดยสมบูรณ์ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาแล้ว จะฟังข้อเท็จจริงเป็นอื่น เป็นต้นว่าจำเลยไม่ทุจริตหรือจำเลยไม่เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตนไม่ได้ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน