สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 81 การขอจดทะเบียนสมาคมนั้น ให้ผู้จะเป็นสมาชิกของสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน ร่วมกันยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมจะตั้งขึ้น พร้อมกับแนบข้อบังคับของสมาคมรายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้จะเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่าสิบคน และรายชื่อ ที่อยู่และอาชีพของผู้จะเป็นกรรมการของสมาคมมากับคำขอด้วย


 

 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2518 วัตถุที่ประสงค์ของมูลนิธิและข้อกำหนดว่าด้วยทรัพย์สินของมูลนิธิตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 82(3) และ (4) นั้น ตามมาตรา 84 หาได้ยอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดขอร้องให้ศาลกำหนดขึ้นได้ไม่อันแสดงว่าเจตนารมย์ของกฎหมายประสงค์จะให้ผู้ก่อตั้งมูลนิธิแต่ผู้เดียวเป็นผู้กำหนดในตราสารจัดตั้งและจะขาดเสียมิได้ เพราะรายการทั้งสองดังกล่าวเป็นสารสำคัญอันถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบของการที่จะเป็นมูลนิธิตามมาตรา 81

ข้อกำหนดในพินัยกรรมเกี่ยวกับการก่อตั้งมูลนิธิมีว่า'โฉนดที่ดินหมายเลขที่ 6483 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชันจังหวัดธนบุรี เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 35 วา ขอมอบให้เป็นมูลนิธิมงคลรักสำรวจ' เช่นนี้ พินัยกรรมดังกล่าวมิได้ระบุข้อความเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิมงคลรักสำรวจ ไว้ ย่อมทำให้มูลนิธิมงคล รักสำรวจ ไม่สามารถจัดตั้งขึ้นได้ ข้อกำหนดพินัยกรรมดังกล่าวจึงหาใช่เป็นข้อกำหนดพินัยกรรมที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1676 ไม่เพราะมิได้ระบุให้บุคคลใดตกอยู่ในภาระติดพันที่จะก่อตั้งมูลนิธิเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งมิได้มีการสั่งให้จัดสรรทรัพย์สินไว้โดยตรงเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามบทบัญญัติมาตรา 81 ข้อกำหนดพินัยกรรมของนายมงคลที่ว่าขอมอบที่ดินให้เป็นมูลนิธิมงคล รักสำรวจจึงไม่มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ที่ดินโฉนดที่ 6483 จึงตกทอดแก่โจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นทายาทลำดับ 3 ของเจ้ามรดกแต่เพียงคนเดียวตามมาตรา 1699เพราะโจทก์ที่1 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมลำดับสูงกว่าซึ่งเหลืออยู่เพียงผู้เดียวได้สละมรดกแล้ว กรมที่ดินและเจ้าพนักงานที่ดินจำเลยจึงต้องรับจดทะเบียนโอนแก้ทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นของโจทก์ที่ 2

 

โจทก์ฟ้องใจความว่า จำเลยที่ 1 เป็นกรมในรัฐบาล จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานที่ดินอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 โจทก์ที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลของนายมงคลหรือวารินทร์ รักสำรวจ โจทก์ที่ 2 เป็นบุตรโจทก์ที่ 1 และเป็นพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกับนายมงคล รักสำรวจนายมงคลถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2514 โดยได้ทำพินัยกรรมไว้ ตามพินัยกรรมดังกล่าวข้อ 2(1) ผู้ตายยกโฉนดที่ดินเลขที่ 6483 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน นครหลวงกรุงเทพธนบุรีเนื้อที่ 1 ไร่ 35 วาให้เป็นมูลนิธิ มงคล รักสำรวจ โจทก์ที่ 1 ได้จัดการโอนแก้ทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวมาเป็นชื่อของโจทก์ที่ 1ในฐานะผู้จัดการมรดกแล้ว แต่เนื่องจากพินัยกรรมดังกล่าว เจ้ามรดกมิได้ทำข้อกำหนดว่าด้วยวัตถุประสงค์ของมูลนิธิไว้ โจทก์ที่ 1 จึงไม่สามารถจัดตั้งมูลนิธิขึ้นได้ ข้อกำหนดพินัยกรรมในการจัดตั้งมูลนิธิ จึงเป็นอันไร้ผล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1679 ที่ดินแปลงนี้จึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ที่ 1 แต่โจทก์ที่ 1 ไม่ประสงค์จะรับมรดกรายนี้ และได้สละมรดกแล้วที่ดินดังกล่าวจึงตกได้แก่โจทก์ที่ 3 โจทก์ทั้งสองได้ไปยื่นคำขอต่อจำเลยให้จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ที่ 2 แต่จำเลยไม่รับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยรับจดทะเบียนโอนแก้ทะเบียนกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6483 ให้โจทก์ที่ 2

จำเลยทั้งสองให้การว่า ตามพินัยกรรมของนายมงคลหรือวารินทร์ รักสำรวจที่ดินโฉนดที่ 6483 เป็นมรดกตกทอดไปเป็นทรัพย์ของมูลนิธิ "มงคล รักสำรวจ" นับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องร้องขอให้รัฐบาลให้อำนาจจัดตั้งมูลนิธิ "มงคล รักสำรวจ" ขึ้นเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1676,1677 และโอนที่ดินพิพาทให้เป็นของมูลนิธิดังกล่าวต่อไปข้อกำหนดพินัยกรรมในการจัดตั้งมูลนิธิไม่เป็นอันไร้ผลตามมาตรา 1679 เพราะแม้พินัยกรรมจะไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ไว้ ก็ถือได้ว่าเจ้ามรดกประสงค์ให้ก่อตั้งมูลนิธิโดยมีวัตถุที่ประสงค์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 81ที่ดินพิพาทไม่ตกทอดไปเป็นของโจทก์ที่ 2 จำเลยทั้งสองไม่มีอำนาจรับจดทะเบียนโอนแก้ทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้เป็นของโจทก์ที่ 2 ได้

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พินัยกรรมนายมงคล รักสำรวจ เพียงแต่กำหนดให้มอบโฉนดที่ดินเลขที่ 6483 ให้เป็นมูลนิธิมงคล รักสำรวจแต่มิได้กำหนดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิอันถือว่าเป็นส่วนสำคัญไว้จึงไม่เป็นการจัดตั้งมูลนิธิตามกฎหมาย ข้อกำหนดพินัยกรรมในการจัดตั้งมูลนิธิเป็นอันไร้ผล ที่ดินพิพาทจึงตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมพิพากษาให้จำเลยรับจดทะเบียนโอนแก้ทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 6483 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน นครหลวงกรุงเทพธนบุรีให้โจทก์ที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ แต่มีความเห็นแย้งของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งมีเสียงข้างน้อยกว่า ข้อกำหนดพินัยกรรมในส่วนที่เกี่ยวแก่การจัดตั้งมูลนิธิเป็นอันไร้ผล เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ทั้งสองฎีกา

คดีได้ความว่า ผู้ตายมีทายาทเพียง 2 คน คือโจทก์ทั้งสอง ข้อกำหนดในพินัยกรรมเกี่ยวกับการก่อตั้งมูลนิธิมีข้อความว่า โฉนดที่ดินหมายเลขที่ 6483 ตำบลตลิ่งชัน อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่35 วา ขอมอบให้เป็นมูลนิธิมงคล รักสำรวจ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้พิจารณาแล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 82 บัญญัติว่า "มูลนิธินั้นจะต้องก่อตั้งขึ้นด้วยทำตราสารลงไว้มีข้อคามสำคัญตามรายการต่อไปนี้ 1. ชื่อของมูลนิธิ 2. วัตถุที่ประสงค์ของมูลนิธิ 3. สำนักงานของมูลนิธิ แม้จะพึงมี 4. ข้อกำหนดว่าด้วยทรัพย์สินของมูลนิธิ 5. ข้อกำหนดว่าด้วยการแต่งตั้งและถอดถอนผู้จัดการทั้งหลายของมูลนิธิ" เห็นว่า ตราสารที่ก่อตั้งมูลนิธิจะต้องมีข้อความสำคัญดังกล่าวข้างต้นนั้นรวม 5 รายการด้วยกัน เฉพาะรายการที่ 1 ว่าด้วยชื่อ รายการที่ 3 ว่าด้วยสำนักงานและรายการที่ 5ว่าด้วยวิธีแต่งตั้งและถอดถอนผู้จัดการมูลนิธิ หากมิได้กำหนดไว้ในตราสารก่อตั้งมูลนิธิเพราะผู้ตั้งมูลนิธิตายเสียก่อน กฎหมายยอมให้ผู้มีส่วนได้เสียพนักงานอัยการร้องขอให้ศาลเป็นผู้กำหนดให้ได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 84 ส่วนรายการที่ 2 ว่าด้วยวัตถุประสงค์ของมูลนิธิและรายการที่ 4 ข้อกำหนดว่าด้วยทรัพย์สินของมูลนิธินั้นกฎหมายหาได้ยอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด ขอร้องให้ศาลกำหนดขึ้นได้ไม่ อันแสดงว่าเจตนารมย์ของกฎหมายประสงค์จะให้ผู้ก่อตั้งมูลนิธิแต่ผู้เดียวเป็นผู้กำหนดวัตถุประสงค์และข้อกำหนดว่าด้วยทรัพย์สินของมูลนิธินั้นในตราสารจัดตั้งและจะขาดเสียมิได้ เพราะรายการทั้งสองดังกล่าวเป็นสารสำคัญอันถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบของการที่จะเป็นมูลนิธิตามมาตรา 81 เมื่อพินัยกรรม จ.1 มิได้ระบุข้อความเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิมงคล รักสำรวจไว้ เช่นนี้ย่อมทำให้มูลนิธิมงคล รักสำรวจไม่สามารถจัดตั้งขึ้นได้ข้อกำหนดพินัยกรรมหมาย จ.1 ในการจัดตั้งมูลนิธิมงคล รักสำรวจจึงหาใช่เป็นข้อกำหนดพินัยกรรมที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1676ไม่ เพราะมิได้ระบุให้บุคคลใดตกอยู่ในภาระติดพันที่จะก่อตั้งมูลนิธิเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งมิได้มีการสั่งให้จัดสรรทรัพย์สินไว้โดยตรงเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งตามบทบัญญัติ มาตรา 81แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อกำหนดพินัยกรรมของนายมงคลที่ว่าขอมอบที่ดินให้เป็นมูลนิธิมงคล รักสำรวจจึงไม่มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ที่ดินโฉนดพิพาทจึงตกทอดแก่โจทก์ที่ 2ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมลำดับที่ 3 ของเจ้ามรดกแต่เพียงคนเดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1699 เพราะโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมลำดับสูงกว่าได้สละมรดกแล้วจำเลยทั้งสองจึงต้องรับจดทะเบียนโอนแก้ทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นของโจทก์ที่ 2 ตามฟ้อง ดังความเห็นแย้งของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนข้างน้อย

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมรวมทั้งค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ