โอนทรัพย์มรดกของผู้ตายให้แก่ทายาทเจ้าหนี้ของผู้ตายฟ้องโกงเจ้าหนี้ได้หรือไม่ |
---|
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้น ต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ แต่การโอนที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายให้แก่ทายาทของผู้ตาย ไม่ทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้น้อยลงแต่อย่างใด เพราะเจ้าหนี้สามารถฟ้องคดีเพื่อให้ทายาทรับผิดตามมูลหนี้ที่เจ้ามรดกหรือผู้ตายจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ได้ ดังนั้น การโอนที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกในระหว่างที่เจ้าหนี้อาจใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลได้ ไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2557 การโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดอันจะเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตาม ป.อ. มาตรา 350 นั้น ผู้กระทำต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ การที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 รับโอนที่ดินตามโฉนดเลขที่ 49394 ซึ่งผู้ตายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มาเป็นของตนเองนั้น ก็เป็นเพียงการรับโอนทรัพย์มรดกของผู้ตายในฐานะทายาทโดยธรรมผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายตามกฎหมาย แม้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายจะสละมรดกในที่ดินโฉนดดังกล่าว แต่สิทธิของเจ้าหนี้ในการว่ากล่าวเอาแก่ทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ทายาทยังคงมีอยู่ตามเดิม มิได้ถูกกระทบกระเทือนเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 จึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 90, 91, 137, 267, 349, 350 |
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267 ประกอบมาตรา 83 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยที่ 2 กระทำความผิด 2 กรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุก 12 เดือน และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ประกอบด้วยมาตรา 83 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ 4 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 10 เดือน จำเลยที่ 2 จำคุก 16 เดือน |