ไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าคืนเป็นความผิดฐานยักยอกหรือไม่ |
---|
ไม่ว่าใครๆ ก็เคยเป็นผู้เช่ากันทั้งนั้น เพราะเราไม่ได้มีต้นทุนเหมือนคนอื่นๆ ซึ่งมีมากกว่าเรา ดังนั้นเราต้องเช่าทรัพย์สินของผู้อื่นเพื่อเริ่มต้น จึงปัญหาตามมาว่า หากว่าในระหว่างเช่านั้น ผู้เช่าได้ผิดนัดชำระค่าเช่ากับผู้ให้เช่า จนกระทั่งผู้ให้เช่ามีความประสงค์จะเลิกสัญญาเช่าและให้เราออกจากทรัพย์สินที่เช่า จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าในเวลาต่อมา ผู้เช่ายังคงอยู่ที่ดินหรือครอบครองทรัพย์สินที่เช่าไม่ยอมคืนทรัพย์สินที่เช่า ในกรณีเช่นนี้ ผู้เช่าจะมีความผิดอาญาข้อหา ยักยอกทรัพย์หรือไม่ ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์นั้น ผู้กระทำความผิดต้องมีการครอบครองทรัพย์แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นผู้ตนเองโดยทุจริตหรือแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงจะมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และมาพิจารณาในเรื่องของการเช่าทรัพย์กันบางว่ามีหลักกฎหมายอย่างไร เช่าทรัพย์คือการที่ผู้ให้เช่าได้ให้ผู้เช่าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่า โดยมีค่าตอบแทนเป็นเงินค่าเช่า ดังนั้น การที่ผู้เช่าได้ครอบครองทรัพย์สินที่เช่า เนื่องจากสัญญาเช่า จึงเป็นการครอบครองทรัพย์สินที่เช่าแล้ว ต่อมาหากพิจารณาว่า ผู้เช่าเบียดบังเอาทรัพย์สินที่เช่าเป็นผู้ตนเองโดยทุจริตหรือไม่นั้น การที่ผู้เช่าไม่ชำระเงินค่าเช่าจึงเป็นการผิดสัญญาเช่า ก่อให้เกิดสิทธิของผู้ให้เช่าในการบอกเลิกสัญญาเช่าได้ เมื่อผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าแล้ว สัญญาเช่าย่อมระงับไป ผู้เช่าต้องคืนทรัพย์สินที่เช่าให้ผู้ให้เช่าต่อไป แต่ปรากฏว่า ผู้เช่าไม่ยอมคืนทรัพย์สินที่เช่า ผู้เช่าจะต้องชดใช้ค่าเสียหายในระหว่างที่ได้ครอบครองทรัพย์สินที่เช่า โดยข้อกำหนดในสัญญาเช่า เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นการผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการที่ต้องรับผิดหรือกระทำความผิดในข้อหายักยอกทรัพย์ เพราะไม่ใช่การเบียดบังเอาทรัพย์สินที่เช่าเป็นของตนเองแต่อย่างใด ในกรณีเช่นนี้ มีกรณีตัวอย่างที่ต้องศึกษาประกอบดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2550 จำเลยที่ 1 ครอบครองเครื่องจักรยกของหนักบนอาคารสูงหรือปั้นจั่นหอสูงอันเป็นทรัพย์พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่า เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยที่ 1 มีหน้าที่จะต้องส่งคืนทรัพย์พิพาทแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ในสัญญาเช่า |
จำเลยที่ 1 จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตลอดเวลาที่ครอบครองทรัพย์พิพาทตามข้อตกลงในสัญญา แม้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ส่งมอบคืนทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงก็ตาม พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการเบียดบังที่จะเอาทรัพย์เป็นของตนโดยทุจริต กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาในทางแพ่งไม่มีมูลความผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาตัวเต็ม โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,352 |