หลักเกณฑ์ของบุคคลที่จะบรรลุนิติภาวะ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 19 บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 20 ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา 1448
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว แต่ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสก่อนนั้นได้
คำอธิบาย
บุคคลที่สามารถทำนิติกรรมที่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายได้นั้น บุคคลนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์ของการบรรลุนิติภาวะ โดยใช้อายุของบุคคลนั้นๆ เป็นเกณฑ์ กล่าวคือ บุคคลใดมีอายุ ๒๐ ปี บริบูรณ์แล้ว ย่อมบรรลุนิติภาวะโดยปริยาย ( มาตรา ๑๙ ) ตัวอย่างเช่น นาย ก เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๒ นาย ก ย่อมบรรลุนิติภาวะในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๐.๐๑ น. เป็นต้นไป เป็นต้น
ตัวอย่างคำพิพากษา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6522/2558 จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันสองฉบับ เพื่อค้ำประกันหนี้ที่จำเลยที่ 1 มีต่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ร. เจ้าหนี้เดิม เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2540 และ 19 กุมภาพันธ์ 2540 ตามลำดับ ในขณะที่จำเลยที่ 3 อายุยังไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ จึงยังไม่บรรลุนิติภาวะตาม ป.พ.พ. มาตรา 19 เพราะจำเลยที่ 3 เกิดวันที่ 11 มีนาคม 2520 การทำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นการประกันโดยประการใด ๆ อันอาจมีผลให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ต้องถูกบังคับชำระหนี้หรือทำนิติกรรมอื่นที่มีผลให้ผู้เยาว์ต้องรับเป็นผู้รับชำระหนี้ของบุคคลอื่น (จำเลยที่ 1) หรือแทนบุคคลอื่น (จำเลยที่ 1) จึงเป็นการทำนิติกรรมใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ ซึ่งตามมาตรา 1574 (10) แห่ง ป.พ.พ. ได้บัญญัติว่า ผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำมิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต เมื่อโจทก์ไม่ได้แสดงพยานหลักฐานให้เห็นว่าในขณะที่จำเลยที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกัน ผู้ใช้อำนาจปกครองของจำเลยที่ 3 ได้รับอนุญาตจากศาลให้จำเลยที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันได้ การทำสัญญาค้ำประกัน จึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าว ตกเป็นโมฆะและไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 จึงไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกัน
อีกกรณีหนึ่ง บุคคลบรรลุนิติภาวะโดยไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์เรื่องอายุเป็นเกณฑ์ในการบรรลุนิติภาวะได้มีอีกกรณีหนึ่ง คือ บุคคลที่มีอายุ ๑๗ ปี บริบูรณ์ทำการสมรสโดยความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครองทำการสมรสกันโดยการจดทะเบียนสมรสต่อหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนสมรสแล้ว บุคคลทั้งสองที่ได้ทำการสมรสกันนั้นย่อมบรรลุนิติภาระนับแต่วันจดทะเบียนสมรส ข้อสังเกต การสมรสโดยไม่มีการจดทะเบียนสมรส แม้ได้สมรสกันตามประเพณี ยังไม่ถือว่าเป็นการสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นผลให้เป็นการบรรลุนิติภาวะได้ตามกฎหมาย ( มาตรา ๒๐ ประกอบ มาตรา ๑๕๕๘ ) ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ นาย ก อายุ ๑๗ ปี และนางสาว ข อายุ ๑๘ ปี ได้จดทะเบียนสมรสกันที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยได้รับความยินยอมจาก นาย ค และนาง ง ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรของนาย ก และได้รับความยินยอมจาก นาย จ และนาง ฉ ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรของนางสาว ข นาย ก และนางสาว ข ย่อมบรรลุนิติภาวะนับแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เป็นต้น
ตัวอย่างคำพิพากษา คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2544 การที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปอยู่กินฉันสามีภริยากับชายอื่น แต่มิได้ทำการสมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้เสียหายจึงยังไม่บรรลุนิติภาวะและยังคงอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของมารดา เมื่อจำเลยที่ 3 พาผู้เสียหายไปพบจำเลยที่ 1 และที่ 2 เพื่อพาผู้เสียหายไปค้าประเวณี การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการพรากผู้เสียหายไปเสียจากมารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร
ดังนั้น บุคคลจะบรรลุนิติภาวะตามกฎหมายได้ จึงมีอยู่ ๒ กรณี ตามที่ระบุไว้ใน มาตรา ๑๙ และ มาตรา ๒๐ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวคือ โดยการใช้หลักเกณฑ์ของอายุ และ โดยการสมรสโดยความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
ต่อไปมี ปัญหาที่ต้องพิจารณาต่อไปว่า หากผู้เยาว์หรือบุคคลที่ไม่ได้บรรลุนิติภาวะทำนิติกรรม จะมีผลเป็นอย่างไร
หลักเกณฑ์ ของการผู้เยาว์ทำนิติกรรมโดยไม่ได้รับความยินยอมนั้น มี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 21 ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใด ๆ ต้องได้รับความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน การใด ๆ ที่ผู้เยาว์ได้ทำลงปราศจากความยินยอมเช่นว่านั้นเป็นโมฆียะ เว้นแต่จะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 22 ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น หากเป็นเพียงเพื่อจะได้ไปซึ่งสิทธิอันใดอันหนึ่ง หรือเป็นการเพื่อให้หลุดพ้นจากหน้าที่อันใดอันหนึ่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 23 ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 24 ผู้เยาว์อาจทำการใด ๆ ได้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนและเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามสมควร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 25 ผู้เยาว์อาจทำพินัยกรรมได้เมื่ออายุสิบห้าปีบริบูรณ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 26 ถ้าผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาตให้ผู้เยาว์จำหน่ายทรัพย์สินเพื่อการอันใดอันหนึ่งอันได้ระบุไว้ ผู้เยาว์จะจำหน่ายทรัพย์สินนั้นเป็นประการใดภายในขอบของการที่ระบุไว้นั้นก็ทำได้ตามใจสมัคร อนึ่ง ถ้าได้รับอนุญาตให้จำหน่ายทรัพย์สินโดยมิได้ระบุว่าเพื่อการอันใด ผู้เยาว์ก็จำหน่ายได้ตามใจสมัคร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 27 ผู้แทนโดยชอบธรรมอาจให้ความยินยอมแก่ผู้เยาว์ในการประกอบธุรกิจทางการค้าหรือธุรกิจอื่น หรือในการทำสัญญาเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงานได้ ในกรณีที่ผู้แทนโดยชอบธรรมไม่ให้ความยินยอมโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้เยาว์อาจร้องขอต่อศาลให้สั่งอนุญาตได้
ในความเกี่ยวพันกับการประกอบธุรกิจหรือการจ้างแรงงานตามวรรคหนึ่งให้ผู้เยาว์มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว
ถ้าการประกอบธุรกิจหรือการทำงานที่ได้รับความยินยอมหรือที่ได้รับอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายถึงขนาดหรือเสื่อมเสียแก่ผู้เยาว์ ผู้แทนโดยชอบธรรมอาจบอกเลิกความยินยอมที่ได้ให้แก่ผู้เยาว์เสียได้ หรือในกรณีที่ศาลอนุญาต ผู้แทนโดยชอบธรรมอาจร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการอนุญาตที่ได้ให้แก่ผู้เยาว์นั้นเสียได้
ในกรณีที่ผู้แทนโดยชอบธรรมบอกเลิกความยินยอมโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้เยาว์อาจร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการบอกเลิกความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมได้
การบอกเลิกความยินยอมโดยผู้แทนโดยชอบธรรมหรือการเพิกถอนการอนุญาตโดยศาล ย่อมทำให้ฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วของผู้เยาว์สิ้นสุดลง แต่ไม่กระทบกระเทือนการใด ๆ ที่ผู้เยาว์ได้กระทำไปแล้วก่อนมีการบอกเลิกความยินยอมหรือเพิกถอนการอนุญาต |