คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2538 โจทก์ทำสัญญากับจำเลยว่าหากโจทก์ส่งปฏิทินและสมุดบันทึกที่จำเลยสั่งให้โจทก์จัดพิมพ์ไม่ทันกำหนดยินยอมให้ปรับวันละ1,000บาทเป็นข้อสัญญาว่าจะให้เบี้ยปรับเมื่อโจทก์ไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรซึ่งนอกจากเรียกให้ชำระหนี้แล้วจำเลยจะเรียกเอาเบี้ยปรับอันจะพึงริบนั้นอีกด้วยก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา381วรรคหนึ่งโดยต้องบอกสงวนสิทธิดังกล่าวต่อเมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยโดยสิ้นเชิงแล้วและจำเลยรับชำระหนี้นั้นเมื่อโจทก์ยังไม่ได้ส่งมอบปฏิทินและสมุดให้จำเลยครบถ้วนตามสัญญาจำเลยจึงหาหมดสิทธิจะเรียกเอาเบี้ยปรับไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3389/2552 สัญญาให้บริการวงจรสื่อสัญญาณความเร็วสูงภายในประเทศระบุว่า "ในกรณีที่ผู้ใช้บริการผิดนัดชำระหนี้ค่าใช้บริการ...ผู้ใช้บริการยินยอมเสียค่าปรับในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน สำหรับค่าใช้บริการที่ค้างชำระ" อันเป็นกรณีที่ลูกหนี้สัญญาว่าจะให้เบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควรตาม ป.พ.พ. มาตรา 381 หาใช่ดอกเบี้ยไม่และไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดอัตราไว้ โจทก์จึงมีสิทธิคิดเบี้ยปรับกรณีจำเลยผิดนัดชำระหนี้ค่าใช้บริการในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หรืออัตราร้อยละ 24 ต่อปีได้ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ลดเบี้ยปรับลงเป็นอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จึงเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9320/2558 การคิดเงินเพิ่มในกรณีชำระค่าส่วนกลางล่าช้า มีลักษณะเป็นค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่โจทก์ที่ ๑ กำหนดไว้ล่วงหน้าเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร เป็นเบี้ยปรับตามมาตรา ๓๗๙ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วนซึ่งศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ ตามมาตรา ๓๘๓ วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2535 คดีนี้จำเลยทั้งสองผิดสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อจึงเลิกกัน และโจทก์ได้ยึดรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อกลับคืนแล้ว เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ค่าเสียหายให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.5 จำเลยที่ 1ที่ 2 ได้ตกลงทำหนังสือรับสภาพหนี้ยินยอมใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท แสดงว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาผูกพันจะชำระค่าเสียหายให้โจทก์ 80,000 บาท จำเลยทั้งสองจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าเสียหายให้โจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้นั้น ส่วนดอกเบี้ยที่กำหนดตามหนังสือรับสภาพหนี้ร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่จำเลยผิดนัดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการคิดดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นกรณีกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้า ศาลมีอำนาจลดลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2530 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดทวงถาม จึงชอบแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา" พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2530 จนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ |