ภาระจำยอมเป็นสิทธิอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือไม่ |
|||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3823/2525 บันทึกเรื่องทางภารจำยอมและแผนผังสภาพถนนซึ่งต่อท้ายข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมนั้น เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายที่ดินและตึกแถวซึ่งได้แบ่งแยกจดทะเบียนไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนทางภารจำยอมนี้จะได้มีการจดทะเบียนกันในภายหลังเมื่อรังวัดออกโฉนดเรียบร้อยแล้ว ภารจำยอมเป็นทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 100 บันทึกดังกล่าวจึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 เมื่อได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญแล้ว แสดงว่าคู่กรณีเจตนาจะผูกพันกันตามบันทึกนี้ ฉะนั้นจำเลยจะนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารว่า ความจริงโจทก์จำเลยตกลงเรื่องทางภารจำยอมไว้เพียงด้านเดียวหาได้ไม่ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) ต้องฟังว่าตกลงจดทะเบียนภารจำยอมถนนทั้งสี่ด้านตามแผนผังดังกล่าว ___________________________
จำเลยให้การว่าบันทึกข้อตกลงเรื่องทางภารจำยอมเป็นเรื่องเฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่ 19170 ไม่เกี่ยวกับที่ดินแปลงอื่น จึงมีเฉพาะส่วนที่ผ่านหน้าตึกแถวของโจทก์เท่านั้น โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยจดทะเบียนทางภารจำยอมในที่ดินแปลงอื่นทั้งถนนอีก 3 ด้านนั้นจำเลยไม่มีสิทธิที่จะนำช่างรังวัดแบ่งแยกที่ดินได้ คือถนนด้านติดคลองเป็นที่ดินที่กรมชลประทานกันเขตไว้ ถนนด้านติดกับสะพานสำโรงอยู่ในเขตที่ดินของกรมทางหลวง จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญา แต่การออกโฉนดส่วนที่เป็นถนนยังไม่เรียบร้อย จึงจดทะเบียนเป็นทางภารจำยอมให้แก่โจทก์ไม่ได้ อนึ่ง บันทึกข้อความด้วยว่าให้ผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมยอมขอรังวัดแบ่งแยกเป็นอีกโฉนดหนึ่งต่างหาก เมื่อออกโฉนดเรียบร้อยผู้ถือกรรมสิทธิ์ต้องจดทะเบียนส่วนที่เป็นถนนตามที่ออกโฉนดใหม่ให้เป็นทางภารจำยอมต่อพนักงานที่ดิน การออกโฉนดยังไม่เสร็จ โจทก์และผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมไม่เคยโต้แย้งหรือคัดค้าน ทั้งไม่เคยบอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติให้ครบถ้วนตามแผนผังแสดงภารจำยอม ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยนำรังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ 19170และ 7276 ออกเป็นโฉนดใหม่ให้เป็นถนนตามแผนผังแสดงถนนภารจำยอมให้ครบทั้ง 4 ด้าน และจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บันทึกเรื่องทางภารจำยอมต่อท้ายข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมและแผนผังแสดงถนนภารจำยอมเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายที่ดินและตึกแถวซึ่งได้แบ่งแยกจดทะเบียนไปแล้วส่วนหนึ่งสำหรับข้อตกลงส่วนทางภารจำยอมนี้จะได้จดทะเบียนกันในภายหลังเมื่อรังวัดออกโฉนดเสร็จเรียบร้อย ภารจำยอมนั้นเป็นทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 100 บันทึดนี้จึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง เมื่อได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญแล้ว แสดงว่าคู่กรณีเจตนาจะผูกพันกันตามบันทึกนี้ ฉะนั้นจำเลยจะนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารว่าความจริงโจทก์จำเลยตกลงทางภารจำยอมไว้เพียงด้านเดียวหาได้ไม่เป็นการต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข) คดีต้องฟังว่าจำเลยตกลงจะจดทะเบียนภารจำยอมถนนทั้งสี่ด้านตามแผนผังแสดงถนนภารจำยอม พิพากษายืน |
|||||||||