| คำพิพากษาฎีกาย่อยาว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำหนังสือสัญญากู้เงินปลอมโดยจำเลยที่ ๑ ทำสัญญากู้เงินจำเลยที่ ๒ ไป แล้วนำสัญญนั้นไปฟ้องศาลเพื่อให้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาขึ้นเพื่อป้องกันมิให้โจทก์ได้รับโอนที่ดินตามที่ตกลงกับจำเลยที่ ๑ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษฐานปลอมหนังสือ ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยมีสิทธิที่จะทำสัญญากู้เงินในระหว่างกันเองได้ จำเลยไม่ได้เอาสิทธิของผู้อื่นมาใข้ แลข้อความในสัญญาก็เป็นข้อความของจำเลย ๆ ในการที่ไม่ให้เงินกันตามสัญญานั้น เมื่อเกี่ยวข้องถึงส่วนได้เสียของโจทก์ ก็อาจเป็นความผิดฐานอื่นได้ แต่หาใช่ความผิดปลอมหนังสือไม่จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง บทความที่น่าสนใจ-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่ -ด่ากันทางโทรศัพท์ -ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก -การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม -การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร -เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น -ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร  แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน
 -ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน  แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร  -ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม -ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้ -การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน -เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร -การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ -คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ -ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้  -ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร  -ด่าว่า จัญไร ถอนการให้ได้ -ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ -หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่ -การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด -ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่ -ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร -คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว -การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่           |