การกระทำโดยบันดาลโทสะต้องกระทำเมื่อใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2513

ผู้ตายวิ่งไล่น้องสาวจำเลยเพื่อจะข่มขืนจนมาถึงเรือนจำเลยแล้วร้องด่าท้าทายขู่เข็ญข้างนอกเรือนจำเลยอยู่ตลอดเวลา จนจำเลยระงับโทสะไม่อยู่ คว้ามีดพร้าลงจากเรือนไล่ตามหลังผู้ตายไปทันในระยะทางประมาณ 8 เส้น และฟันผู้ตายตรงนั้นเช่นนี้ นับว่าเป็นพฤติการณ์ถึงขนาดอันถือได้ว่าเป็นการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และเป็นการกระทำลงในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่ อันถือได้ว่าเป็นการกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำพิพากษาฎีกาย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดและปืนเป็นอาวุธฟันและยิงนายแผ้ว ลายเลขา ถึงแก่ความตายโดยเจตนา ปรากฏตามรายงานชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสอง และยึดอาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวได้เป็นของกลางในวันเกิดเหตุนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 และริบของกลาง

จำเลยที่ 1 ต่อสู้ฐานป้องกันตัว ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษเพราะคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 16 ปีริบมีดของกลาง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง ปืนของกลางซึ่งมีทะเบียนคืนให้เจ้าของ

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำไปโดยบันดาลโทสะ พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ข้อเท็จจริงได้ความว่าในคืนเกิดเหตุ ผู้ตายซึ่งเมาสุราได้ขึ้นไปหานางศรีน้องสาวจำเลยที่ 1 ซึ่งเฝ้าเรือนอยู่คนเดียว แล้ววิ่งไล่ตามนางศรีซึ่งหนีลงเรือนไปที่เรือนจำเลยที่ 1 เมื่อถึงได้ร้องด่าท้าทายจำเลยที่ 1 แล้วเลยไปที่เรือนจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ห่างไป 5 วา จำเลยที่ 2 และญาติได้ช่วยกันกันผู้ตายไว้ไม่ให้มีเรื่อง แต่เมื่อผู้ตายยังไม่ยอมลดละยังคงร้องด่าจำเลยที่ 1 ต่อไป จึงไปตามนายบุญมาช่วยห้ามปราม เมื่อนายบุญมาถึง ผู้ตายเตะจำเลยที่ 2 และวิ่งลงเรือนพร้อมกับร้องด่าท้าทายจำเลยที่ 1 ตลอดเวลา จำเลยที่ 1ซึ่งถือมีดพร้าบ้องไปคอยอยู่แล้วได้วิ่งไล่ไปทันห่างจากเรือนจำเลยที่ 2 ประมาณระยะ 8 เส้น และฟันผู้ตาย ณ ที่ตรงนั้น

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้ตายด่าแม่และท้าทายขู่เข็ญจำเลยที่ 1 ตลอดเวลา นับว่าเป็นพฤติการณ์ถึงขนาดอันถือได้ว่าเป็นการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม ซึ่งเร่งเร้าโทสะจริตจำเลยที่ 1 อย่างรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมสะกดใจไว้ได้ และการที่จำเลยที่ 1 ไล่ตามไปเป็นระยะทางราว 8 เส้น และฟันผู้ตาย ก็ถือว่าเป็นการกระทำในระยะเวลากระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่ อันถือว่าเป็นการกระทำในขณะนั้นตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

พิพากษายืน

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร

-การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ

-คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้

-ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้

-ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร

-ด่าว่า จัญไร ถอนการให้ได้

-ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ

-หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่

-การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด

-ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่

-ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร

-คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว

-การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่