ทำร้ายแล้วทำให้หัวใจวายตายต้องรับผลนั้นด้วยหรือไม่

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1593/2542

 

ผู้ตายมีโรคเดิมอยู่แล้ว เมื่อเกิดอาการตกใจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติทำให้หัวใจวายอันเป็นสาเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้การที่จำเลยใช้ก้อนหินตีที่หน้าของผู้ตายทำให้เกิดอาการตกใจ หัวใจเต้นผิดปกติจนถึงแก่ความตาย ความตายจึงเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย เป็นความผิดฐานมิได้เจตนาฆ่าแต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย แม้ผู้ตายเคยเข้ารับการรักษาโรคหัวใจมาก่อน ก็ไม่เป็นเหตุให้รับฟังว่าผู้ตายถึงแก่ความตายโดยมิใช่เกิดจากการทำร้ายของจำเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำพิพากษาฎีกาย่อยาว


โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ก้อนหินตีถูกบริเวณใบหน้าของหม่อมหลวงสมศรี สุนทรพร ผู้ตาย 1 ครั้งเป็นเหตุให้ผู้ตายล้มกระแทกพื้นและถึงแก่ความตาย โดยจำเลยมิได้มีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นายสมพร สุนทรพร สามีผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 จำคุก 3 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง หม่อมหลวงสมศรี สุนทรพร ผู้ตาย ทะเลาะกับจำเลยหลังจากนั้นผู้ตายก็ล้มลงที่พื้นซีเมนต์หยาบซึ่งใช้เป็นลานจอดรถและผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยใช้ก้อนหินตีที่หน้าของผู้ตายจนล้มลง ปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายหรือไม่โดยข้อเท็จจริงได้ความตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกนายแพทย์สุวิชัยและรายงานการตรวจศพเอกสารท้ายคำฟ้องว่าสาเหตุการตายเกิดจากหัวใจวาย แต่ร้อยตำรวจเอกนายแพทย์สุวิชัยได้เบิกความต่อไปว่า ผู้ตายมีโรคเดิมอยู่แล้วเมื่อเกิดอาการตกใจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ และเป็นสาเหตุให้ถึงแก่ความตายได้ ดังนั้น แม้จะได้ความตามคำเบิกความของนายแพทย์พิษณุ เกิดสนธิ์ชัยว่า ผู้ตายเคยเข้ารับการรักษาโรคหัวใจกับพยานมาก่อน ก็ไม่เป็นเหตุให้รับฟังว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยมิใช่เกิดจากการทำร้ายของจำเลย เพราะการที่จำเลยใช้ก้อนหินตีที่หน้าของผู้ตายทำให้เกิดอาการตกใจ หัวใจเต้นผิดปกติจนถึงแก่ความตาย ความตายจึงเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นความผิดฐานมิได้เจตนาฆ่าแต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย

พิพากษายืน

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร

-การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ

-คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้

-ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้

-ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร

-ด่าว่า จัญไร ถอนการให้ได้

-ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ

-หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่

-การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด

-ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่

-ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร

-คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว

-การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่