สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

เงินประกันชีวิตเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายหรือไม่

 

เงินประกันชีวิตไม่ใช่ทรัพย์ที่มีอยู่ก่อนหรือขณะที่ผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงไม่ใช่ทรัพย์มรดก เพราะเป็นเงินที่ได้มาจากสัญญาประกันชีวิตเป็นเงินที่ได้มาภายหลังจากผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่การจัดการเงินที่ได้มาหภายหลังจากผู้ตายถึงแก่ความตายไม่มีกฎหมายที่นำมาปรับใช้ได้โดยตรง จึงต้องใช้กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาบังคับใช้ จึงถือว่าเงินตามสัญญาประกันชีวิตเป็นเสมือนทรัพย์มรดก
 
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 4 วรรคสอง เมื่อไม่มีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ ให้วินิจฉัยคดีนั้นตามจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ถ้าไม่มีจารีตประเพณีเช่นว่านั้น ให้วินิจฉัยคดีอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง และถ้าบทกฎหมายเช่นนั้นก็ไม่มีด้วย ให้วินิจฉัยตามหลักกฎหมายทั่วไป

มาตรา 374 ถ้าคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งทำสัญญาตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกไซร้ ท่านว่าบุคคลภายนอกมีสิทธิจะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้โดยตรงได้
ในกรณีดังกล่าวมาในวรรคต้นนั้น สิทธิของบุคคลภายนอกย่อมเกิดมีขึ้นตั้งแต่เวลาที่แสดงเจตนาแก่ลูกหนี้ว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้น

มาตรา 889 ในสัญญาประกันชีวิตนั้น การใช้จำนวนเงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง

มาตรา 1599 เมื่อบุคคลใดตาย มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท

โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ท. การที่ ส. ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยโดยระบุให้ ท. เป็นผู้รับประโยชน์เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ส. และ ท. ต่างถึงแก่ความตายซึ่งไม่ว่า ท. จะถึงแก่ความตายก่อนหรือหลัง ส. ท. ก็ถึงแก่ความตายเช่นเดียวกัน เมื่อ ท. ผู้รับประโยชน์ถึงแก่ความตายจึงไม่อาจเข้ารับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของ ส. ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจถือว่า ท. จะได้รับประโยชน์จากการจ่ายเงินตามเงื่อนไขของกรมธรรม์และไม่ถือว่าเงินตามกรมธรรม์ที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่ ท. ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์นั้นตกเป็นของกองมรดก ท. กรณีต้องถือว่า ท. ผู้รับประโยชน์ไม่อาจเข้าถือเอาประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของ ส. ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากสัญญาประกันชีวิตจึงต้องตกแก่ทายาทโดยธรรมของ ส. ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกซึ่งผู้จัดการมรดกของ ส. หรือทายาทโดยธรรมจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตของ ส. เมื่อโจทก์เป็นเพียงผู้จัดการมรดกของ ท. จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตของ ส. ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6893/2559

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 8,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 6 ต่อปี ของต้นเงิน 5,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 นายสุรศักดิ์ ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยจำนวนเงินเอาประกันภัย 5,000,000 บาท กำหนดให้นางเทียมจันทร์ ป็นผู้รับประโยชน์ปรากฏตามตารางแห่งกรมธรรม์ประกันชีวิต นายสุรศักดิ์ผู้เอาประกันจดทะเบียนสมรสกับนางเทียมจันทร์เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2532 ปรากฏตามสำเนาทะเบียนการสมรส เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2540 นายสุรศักดิ์และนางเทียมจันทร์ถึงแก่ความตายภายในห้องพักเดียวกันด้วยสาเหตุกระสุนปืนทำลายสมอง โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางเทียม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จันทร์ตามคำสั่งศาล โจทก์เรียกร้องให้จำเลยในฐานะผู้รับประกันชีวิตของนายสุรศักดิ์ชำระเงินตามสัญญาประกันชีวิตแก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเทียมจันทร์ แต่จำเลยปฏิเสธความรับผิดโดยกล่าวอ้างว่านางเทียมจันทร์ผู้รับประโยชน์ถึงแก่ความตายก่อนที่นายสุรศักดิ์ผู้เอาประกันจะถึงแก่ความตาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระเงินตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ดังกล่าว และจำเลยได้ขอบอกล้างสัญญาประกันชีวิตแล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่นายสุรศักดิ์ ถึงแก่ความตายนั้น นางเทียมจันทร์ ในฐานะผู้รับประโยชน์มีสิทธิเรียกให้จำเลยผู้รับประกันชีวิตจ่ายเงินตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันชีวิตหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า จากการตรวจศพของผู้เชี่ยวชาญพบว่าเลือดของนายสุรศักดิ์มีเชื้อโรคทำให้เกิดการเน่าก่อนนางเทียมจันทร์ จึงแปลความได้ว่านายสุรศักดิ์ถึงแก่ความตายก่อนนางเทียมจันทร์ดังนั้นนางเทียมจันทร์ผู้รับประโยชน์จึงมีสิทธิได้รับเงินค่าประกันชีวิตตามสัญญาประกันชีวิตของนายสุรศักดิ์ เห็นว่า การที่นายสุรศักดิ์ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลยโดยระบุให้นางเทียมจันทร์เป็นผู้รับประโยชน์เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายสุรศักดิ์และนางเทียมจันทร์ต่างถึงแก่ความตาย ซึ่งไม่ว่านางเทียมจันทร์จะถึงแก่ความตายก่อนหรือหลังนายสุรศักดิ์นางเทียมจันทร์ก็ถึงแก่ความตายเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อนางเทียมจันทร์ผู้รับประโยชน์ถึงแก่ความตายจึงไม่อาจเข้ารับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของนายสุรศักดิ์ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจถือว่านางเทียมจันทร์จะได้รับประโยชน์จากการจ่ายเงินตามเงื่อนไขของกรมธรรม์และไม่ถือว่าเงินตามกรมธรรม์ที่จำเลยจะต้องจ่ายให้แก่นางเทียมจันทร์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์นั้นตกเป็นของกองมรดกนางเทียมจันทร์ กรณีต้องถือว่านางเทียมจันทร์ผู้รับประโยชน์ไม่อาจเข้าถือเอาประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตของนายสุรศักดิ์ ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากสัญญาประกันชีวิตจึงต้องตกแก่ทายาทโดยธรรมของนายสุรศักดิ์ผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นทรัพย์มรดกซึ่งผู้จัดการมรดกของนายสุรศักดิ์หรือทายาทโดยธรรมจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิตของนายสุรศักดิ์ เมื่อโจทก์เป็นเพียงผู้จัดการมรดกของนางเทียมจันทร์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตของนายสุรศักดิ์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร

-การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ

-คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้

-ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้

-ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร

-ด่าว่า จัญไร ถอนการให้ได้

-ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ

-หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่

-การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด

-ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่

-ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร

-คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว

-การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่