เอารถชนกันทำให้คนที่นั่งมาด้วยถึงแก่ความตายจะมีความผิดทางแพ่งอย่างไร |
---|
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง การที่จะอธิบายดังต่อไปนี้ เป็นกรณีของเหตุการณ์ของรถชนกันทำให้เกิดมีบุคคลถึงแก่ความตายอันไม่ใช่ผู้กระทำละเมิดเอง เช่น นาย ก ขับรถยนต์มามีนาย ข นั่งรถมาด้วย และมีนาย ค ขับรถยนต์มาเช่นกัน ด้วยความประมาทของนาย ก และนาย ค ทำให้รถยนต์ทั้งสองคันชนกัน ทำให้นาย ข ถึงแก่ความตาย อย่างนี้ นาย ก และ นาย ค ประมาททำให้นาย ข ได้รับความเสียหาย ทายาทของนาย ค มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากนาย ก และ นาย ค ได้ ดังที่ศาลฎีกาได้พิพากษาดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2534 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วว่า ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 227/2528หมายเลขแดงที่ 2336/2528 ของศาลชั้นต้นที่คู่ความแถลงร่วมกันให้ถือเอาผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าวรับฟังได้ว่า นายสุริยันต์พรมแสนปัง และจำเลยต่างก็ประมาท และศาลชั้นต้นเห็นว่านายสุริยันต์ พรมแสนปัง ประมาทมากกว่าจำเลย จึงกำหนดความรับผิดในค่าสินไหมทดแทนตามความร้ายแรงแห่งละเมิด โดยให้จำเลยรับผิดเพียง 3 ใน 10 ส่วน ศาลกำหนดค่าปลงศพเป็นเงิน 10,000 บาทค่าขาดไร้อุปการะ 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 40,000 บาท จำเลยต้องรับผิด 3 ใน 10 ส่วนของเงินดังกล่าว คิดเป็นเงิน 12,000 บาทพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน
ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2549
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนการหย่าให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน คำขออื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2508 ตามสำเนาทะเบียนการสมรสเอกสารหมาย จ.1 เดิมอยู่กินด้วยกันที่บ้านเลขที่ 58 หมู่ที่ 1 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน ประมาณปี 2517 โจทก์แยก
|
จำนวน 12,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิด(8 พฤษภาคม 2527) ไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาท บทความที่น่าสนใจ-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่ -ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก -การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม -การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร -เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น -ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร -ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม -ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้ -การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน -เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร -การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ -คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ -ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้ -ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร -ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ -หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่ -การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด -ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่ -ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร -คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว -การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่
|