กรณีลูกจ้างนำรถไปรถบุคคลอื่นนายจ้างและผู้ประกันภัยต้องรับผิดอย่างไร |
---|
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ประมวลฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง การที่ความผิดของลูกจ้างผู้ทำละเมิดต่อบุคคลอื่นนั้น จะต้องรับผิดต่อผู้เสียหายโดยตรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ เนื่องส่วนใหญ่แล้วลูกจ้างจะมีฐานะทางการเงินที่ไม่ดี กฎหมายเกรงว่า ผู้เสียหายอาจจะไม่ได้การชดใช้เยียวยาตามความเสียหายที่แท้จริง จึงได้บัญญัติให้นายจ้างต้องร่วมรับผิดต่อผู้เสียหาย ซึ่งเกิดจาการกระทำละเมิดในทางการที่จ้างนั้นด้วย นอกจากนั้น หากปรากฎว่า นายจ้างได้เอาประกันภัยไว้รับบริษัทรับประกันภัยแล้ว ผู้ประกันภัยต้องรับผิดต่อผู้เสียหายร่วมด้วย ดังนั้น ผู้ที่ต้องรับผิดต่อผู้มีเสียหายนั้นมี ลูกจ้า นายจ้างและ บริษัทรับประกันภัย สำหรับจำเลยที่ 3 เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 2 ต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 2 ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง ส่วนจำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความวินาศภัยตามเงื่อนไขที่กำหนดในกรมธรรม์ประกันภัย ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ที่มีต่อโจทก์ จึงเป็นความรับผิดในหนี้จำนวนเดียวกันอันจะแบ่งกันชำระมิได้ ต้องร่วมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมตาม ป.พ.พ. มาตรา 301 จำเลยที่ 4 ชำระเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามวงเงินในกรมธรรม์ประกันภัยแล้วส่วนหนึ่ง จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ ไม่ต้องรับผิด ในค่าเสียหายส่วนที่โจทก์ได้รับจากจำเลยที่ 4 ไปแล้วอีก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2561 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายมีว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์เพียงใด เห็นว่า แม้โจทก์จะมีใบเสร็จรับเงินค่าจ้างคนเฝ้าไข้มาแสดงเพียง 1 เดือน แต่เมื่อโจทก์นำสืบว่าตามระเบียบของโรงพยาบาลต้องมีคนเฝ้าไข้และโจทก์ต้องจ้างคนเฝ้าไข้ขณะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยจำเลยที่ 2
|
และที่ 3 ไม่นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักฟังได้ว่าโจทก์ต้องเสียค่าจ้างคนเฝ้าไข้รวมค่าอาหารเดือนละ 16,000 บาท ตามที่โจทก์นำสืบไม่ใช่เดือนละ 18,000 บาท ตามฟ้อง เมื่อคิดเฉลี่ยวันละ 533.33 บาท เป็นเวลา 109 วัน ตามฟ้องเป็นเงิน 58,132.97 บาท สำหรับค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องอาการติดเชื้อที่ต้นขาและค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดและกายภาพบำบัดในอนาคต ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าโจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องและศาลไม่อาจกำหนดให้ได้นั้น เห็นว่า หลังจากโจทก์รักษาตัวที่โรงพยาบาลถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2553 และรักษาต่อเนื่องถึงวันที่ 25 มีนาคม 2559 โจทก์ไม่นำสืบว่า โจทก์ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากเกิดจากการติดเชื้อแต่อย่างใด จึงเห็นสมควรไม่กำหนดค่าเสียหายส่วนนี้ให้ แต่โจทก์นำสืบว่า เหล็กที่ดามอยู่ด้านหลังยังไม่ได้เอาออก จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่สืบพยาน ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ในอนาคตโจทก์ต้องผ่าตัดเพื่อเอาเหล็กที่ดามอยู่ด้านหลังออก และอาจต้องทำกายภาพบำบัด โจทก์จึงต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดและกายภาพบำบัดในอนาคต 250,000 บาท นั้น เหมาะสมแล้ว ส่วนค่าขาดรายได้ในการประกอบการงานทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต และค่าทนทุกข์ทรมานด้วยการผ่าตัด เสียบุคลิกภาพ หมดสิ้นอนาคตในการทำงาน ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าโจทก์มีรายได้เดือนละ 50,000 บาท โจทก์เสียบุคลิกภาพตลอดไปและหมดอนาคตในการทำงาน และโจทก์อายุ 63 ปีแล้ว โจทก์จึงไม่มีรายได้และขาดรายได้ดังกล่าวจริงนั้น โจทก์นำสืบว่า โจทก์ประกอบธุรกิจส่วนตัว ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการรัฐสภา ปัจจุบันด้านหลังมีอาการแสบบริเวณปลายประสาทและเหล็กที่ดามอยู่ด้านหลังยังไม่ได้เอาออก ส่วนบริเวณหัวเข่ามีอาการเจ็บอยู่ตลอดเวลาทำให้โจทก์ไม่สามารถเดินได้ตามปกติ เดินได้อยู่เป็นเวลาไม่นานก็ต้องพัก ขาไม่สามารถงอได้ตามปกติ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่สืบพยานหักล้างรับฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่า ขณะเกิดเหตุโจทก์ยังสามารถทำงานและมีรายได้ แต่หลังเกิดเหตุโจทก์ต้องทนทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บ ไม่สามารถเดินได้เป็นปกติ มีอาการเจ็บหัวเข่าอยู่ตลอดเวลา และเสียบุคลิกภาพ โจทก์จึงเสียความสามารถประกอบการงานบางส่วนที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดค่าขาดรายได้ในการประกอบการงานทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต 358,333.33 บาท และค่าทนทุกข์ทรมานด้วยการผ่าตัด เสียบุคลิกภาพหมดสิ้นอนาคตในการทำงาน 500,000 บาท นั้น เหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่า จำเลยที่ 4 ชำระค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว 1,000,000 บาท ซึ่งท่วมความเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้ว เห็นว่า เมื่อโจทก์ได้รับชำระเงินค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 4 แล้ว 1,000,000 บาท จึงต้องหักเงินดังกล่าวออกจากจำนวนที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาโดยมิได้หักเงินจำนวนดังกล่าวออกจากค่าเสียหายที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องชำระแก่โจทก์นั้น ไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ประการนี้ฟังขึ้นบางส่วน ดังนั้น จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องร่วมกันชำระค่ารักษาพยาบาลในส่วนต่าง 202,448.60 บาท ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลต่อเนื่อง 25,418.50 บาท ค่ารถแท็กซี่เดินทางไปกลับจากบ้านไปโรงพยาบาล 20,500 บาท ค่าจ้างคนเฝ้าไข้ 58,132.97 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดและกายภาพบำบัดในอนาคต 250,000 บาท ค่าขาดรายได้ในการประกอบการงานทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต 358,333.33 บาท และค่าทนทุกข์ทรมานด้วยการผ่าตัด เสียบุคลิกภาพ หมดสิ้นอนาคตในการทำงาน 500,000 บาท หักค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 4 ชำระให้โจทก์แล้ว 1,000,000 บาท คงเหลือเงิน 414,833.40 บาท บทความที่น่าสนใจ-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่ -ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก -การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม -การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร -เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น -ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร -ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม -ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้ -การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน -เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร -การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ -คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ -ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้ -ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร -ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ -หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่ -การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด -ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่ -ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร -คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว -การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่
|