|
คำพิพากษาฎีกาย่อยาว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดและปืนเป็นอาวุธฟันและยิงนายแผ้ว ลายเลขา ถึงแก่ความตายโดยเจตนา ปรากฏตามรายงานชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสอง และยึดอาวุธที่ใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวได้เป็นของกลางในวันเกิดเหตุนั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 และริบของกลาง จำเลยที่ 1 ต่อสู้ฐานป้องกันตัว ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษเพราะคำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 16 ปีริบมีดของกลาง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง ปืนของกลางซึ่งมีทะเบียนคืนให้เจ้าของ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำไปโดยบันดาลโทสะ พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ข้อเท็จจริงได้ความว่าในคืนเกิดเหตุ ผู้ตายซึ่งเมาสุราได้ขึ้นไปหานางศรีน้องสาวจำเลยที่ 1 ซึ่งเฝ้าเรือนอยู่คนเดียว แล้ววิ่งไล่ตามนางศรีซึ่งหนีลงเรือนไปที่เรือนจำเลยที่ 1 เมื่อถึงได้ร้องด่าท้าทายจำเลยที่ 1 แล้วเลยไปที่เรือนจำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ห่างไป 5 วา จำเลยที่ 2 และญาติได้ช่วยกันกันผู้ตายไว้ไม่ให้มีเรื่อง แต่เมื่อผู้ตายยังไม่ยอมลดละยังคงร้องด่าจำเลยที่ 1 ต่อไป จึงไปตามนายบุญมาช่วยห้ามปราม เมื่อนายบุญมาถึง ผู้ตายเตะจำเลยที่ 2 และวิ่งลงเรือนพร้อมกับร้องด่าท้าทายจำเลยที่ 1 ตลอดเวลา จำเลยที่ 1ซึ่งถือมีดพร้าบ้องไปคอยอยู่แล้วได้วิ่งไล่ไปทันห่างจากเรือนจำเลยที่ 2 ประมาณระยะ 8 เส้น และฟันผู้ตาย ณ ที่ตรงนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้ตายด่าแม่และท้าทายขู่เข็ญจำเลยที่ 1 ตลอดเวลา นับว่าเป็นพฤติการณ์ถึงขนาดอันถือได้ว่าเป็นการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม ซึ่งเร่งเร้าโทสะจริตจำเลยที่ 1 อย่างรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมสะกดใจไว้ได้ และการที่จำเลยที่ 1 ไล่ตามไปเป็นระยะทางราว 8 เส้น และฟันผู้ตาย ก็ถือว่าเป็นการกระทำในระยะเวลากระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่ อันถือว่าเป็นการกระทำในขณะนั้นตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 พิพากษายืน บทความที่น่าสนใจ-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่ -ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก -การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม -การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร -เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น -ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร -ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม -ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้ -การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน -เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร -การต่อเติมภายหลังปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำ -คนต่างด้าวก็สามารถครอบครองปรปักษ์ได้ -ผู้รับการให้ด่าว่าผู้ให้ ผู้ให้สามารถเพิกถอนการให้ได้ -ยกที่ดินให้แล้ว แต่มีสิทธิเก็บกินโดยไม่ได้จดทะเบียนผลเป็นอย่างไร -ฟ้องเรียกค่าขาดกำไร เป็นค่าเสียหายพฤติการณ์พิเศษ -หนังสือทวงถามส่งไปที่บ้านตามภูมิลำเนาอ้างว่าไม่ได้รับได้หรือไม่ -การยินยอมของเด็กที่ให้ล่วงละเมิดทางเพศ ยังคงเป็นความผิดฐานละเมิด -ดูหมิ่นเรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่ -ตั้งใจไปกู้แต่เจ้าหนี้ให้ทำสัญญาขายฝากผลเป็นอย่างไร -คำมั่นจะให้เช่าเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว -การโอนสิทธิการเช่าทำได้หรือไม่
|