ทายาทและเจ้ามรดกตายพร้อมกันจะรับมรดกแทนที่ไม่ได้โดยเด็ดขาด |
---|
โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 22493 และ 22501 ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด โฉนดละกึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ และแบ่งที่ดินส่วนที่เหลือให้แก่โจทก์อีก 1 ใน 12 ส่วน หากแบ่งไม่ได้ ขอให้นำที่ดินทั้งสองแปลงออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินมาแบ่งกันตามส่วน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติในชั้นนี้โดยคู่ความไม่โต้แย้งคัดค้านว่า โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายของนายธรรมนูญซึ่งเกิดจากนางทองใบ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 7 คน นายธรรมนูญรับรองว่าโจทก์และพี่น้องเป็นบุตร นายธรรมนูญเป็นบุตรของนายกล้าและนางต๋อง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 13 คน คือ พลโทหรือนายอเนก นายอนันต์ นางมาลัย ร้อยตำรวจเอกหรือนายมานพ นายมานิตย์ นายธรรมนูญ จำเลย นายอำนาจ นายมานะ นางเสาวลักษณ์ นางมาลี นางเสาวภา และนางสาวฐปณนนท์หรือมาลิน วันที่ 4 มิถุนายน 2510 คนร้ายลอบยิงนายกล้าและนายธรรมนูญถึงแก่ความตาย ที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 22493 และเลขที่ 22501 ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เดิมเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินมือเปล่าซึ่งอยู่หมู่ที่ 6 (ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 9) ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด มีบ้านปลูกอยู่ 1 หลัง โดยนายธรรมนูญอยู่อาศัยกับนายกล้าและนางต๋อง ซึ่งเป็นบิดามารดารวมทั้งพี่น้องของนายธรรมนูญ มีป้ายปักตรงปากทางว่า "ไร่ธรรมนูญ" โจทก์อาศัยอยู่กับนางทองใบผู้ซึ่งเป็นมารดาที่จังหวัดตราด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทเลยหลังจากนายธรรมนูญถึงแก่ความตาย เมื่อปี 2512 นางต๋อง นายมานิตย์ และจำเลยไปยื่นคำขอใบจอง ทางราชการออกใบจอง (น.ส.2) เลขที่ 169 เนื้อที่ 48 ไร่ ให้แก่นางต๋อง ใบจองเลขที่ 172 เนื้อที่ 46 ไร่ 1 งาน ให้แก่จำเลย และใบจองเลขที่ 171 เนื้อที่ 49 ไร่ 3 งาน ให้แก่นายมานิตย์ ที่ดินตามใบจองเลขที่ 172 มีอาณาเขตทิศใต้จดที่ดินของนางมาลัย ภริยาของนายมานะ วันที่ 17 กันยายน 2513 นายมานิตย์ จำเลย และนางต๋องมอบอำนาจให้นายมานะไปยื่นคำขอรับรองการทำประโยชน์ โดยมีนายแจและนายสำเนียงลงลายมือชื่อเป็นพยานในคำขอรับรองการทำประโยชน์ทั้งสามฉบับ ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 169 ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด มีชื่อนางต๋องเป็นผู้มีสิทธิ |
ครอบครอง หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 171 ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด มีชื่อนายมานิตย์ เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 172 ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด มีชื่อจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ปี 2514 ทางราชการเวนคืนที่ดินพิพาท ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 169 เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา เลขที่ 171 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 30 ตารางวา และเลขที่ 172 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา เป็นถนนสายตราด - ไม้รูด วันที่ 1 มิถุนายน 2514 นายมานิตย์มอบอำนาจให้นายมานะไปยื่นเรื่องราวขอรังวัดแบ่งแยกที่ดิน วันที่ 27 กันยายน 2514 นายมานะในฐานะผู้รับมอบอำนาจของนายมานิตย์ยื่นคำขอแบ่งขายที่ดินให้แก่กรมทางหลวง ส่วนจำเลยมอบอำนาจให้นางต๋องจดทะเบียนแบ่งขายที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่กรมทางหลวง วันที่ 21 กันยายน 2516 นางต๋องในฐานะผู้รับมอบอำนาจของจำเลยทำสัญญาแบ่งขายที่ดินกับกรมทางหลวง ตามสำเนาหนังสือสัญญาแบ่งขายที่ดิน ต่อมานายมานิตย์ถึงแก่ความตาย วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2523 นางบุญช่วยในฐานะผู้จัดการมรดกของนายมานิตย์ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 171 ให้แก่จำเลย วันที่ 17 พฤษภาคม 2531 นางต๋องขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 169 ให้แก่บริษัทตราดซีไซด์ จำกัด เป็นเงิน 400,000 บาท แล้วแบ่งเงินให้แก่พลโทหรือนายอเนก 100,000 บาท นายอนันต์ 100,000 บาท และทายาทโดยธรรมของนายธรรมนูญ 100,000 บาท วันที่ 9 พฤษภาคม 2531 จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาท ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 171 และเลขที่ 172 ให้แก่นายประสงค์ ต่อมานายประสงค์ฟ้องจำเลยเป็นจำเลยต่อศาลชั้นต้นขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่นายประสงค์ คดีถึงที่สุดในชั้นศาลฎีกาตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2537 ที่พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง ตามสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2537 ปี 2537 จำเลยยื่นขอออกโฉนดที่ดินสำหรับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 171 และเลขที่ 172 วันที่ 21 กันยายน 2537 เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินเลขที่ 22493 เนื้อที่ 46 ไร่ 3 งาน 68 ตารางวา และวันที่ 23 ตุลาคม 2537 เลขที่ 22501 เนื้อที่ 48 ไร่ 2 งาน 15 ตารางวา ให้แก่จำเลย |
บทความที่น่าสนใจ |
-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่ -ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก -การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม -การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร -เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น -ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร -ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม -ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้ -การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน -เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร
|