สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

หนี้ตามบัตรเครดิตมีความอายุความกี่ปี

หนี้ตามบัตรเครดิตมีความในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับลูกหนี้ มีเพียง ๒ ปี เท่านั้น หากว่าโจทก์หรือธนาคารนำคดีมาฟ้องเกินกว่า ๒ ปี คดีเป็นอันขาดอายุความ ดังนั้น การต่อสู้เรื่องอายุความจะต้องหยิบยกขึ้นว่ากล่าวในศาลด้วย มิฉะนั้น ศาลไม่มีอำนาจหยิบยกขึ้นพิจารณาพิพากษาให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10969/2555

เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงอันเกิดจากการกระทำของลูกหนี้อาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ รวมไปถึงการชำระหนี้ให้บางส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยตกลงชำระหนี้บัตรเครดิตโดยยินยอมให้โจทก์หักเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของจำเลย และสัญญาการใช้บัตรเครดิตระบุว่า หากมีการยกเลิกการใช้บัตรเครดิตไม่ว่าด้วยเหตุประการใด ให้ถือว่าเป็นการยกเลิกการใช้บัตรเครดิตเท่านั้น มิใช่เป็นการยกเลิกสัญญา และหากปรากฏว่ามียอดเงินเป็นลูกหนี้โจทก์ จำเลยตกลงที่จะชำระหนี้โดยให้โจทก์หักเงินจากบัญชีชำระหนี้ได้ ดังนี้ การที่โจทก์หักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของจำเลยเพื่อชำระหนี้จึงเป็นกรณีที่จำเลยยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามข้อตกลง หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์หักเงินจากบัญชีของจำเลยตามอำเภอใจไม่ กรณีจึงเป็นการรับสารภาพหนี้ต่อโจทก์ด้วยการชำระหนี้ให้บางส่วนอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) เช่นนี้นับแต่วันที่จำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตให้แก่โจทก์ครั้งสุดท้ายจนถึงวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด 2 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ 772,001.90 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 573,685.56 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระหนี้แก่โจทก์เสร็จสิ้น

จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 772,001.90 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 573,685.56 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นลูกค้าบัตรเครดิตโจทก์ คือบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ มาสเตอร์การ์ด และบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ โพธิ์วีซ่าทอง จำเลยได้นำบัตรเครดิตทั้งสองบัตรที่โจทก์ออกให้ไปใช้แทนเงินสดในการชำระค่าซื้อสินค้า ชำระค่าบริการและเบิกถอนเงินสดหลายครั้ง สำหรับบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ มาสเตอร์การ์ด มีการใช้บัตรครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2548 หลังจากนั้นโจทก์ระงับการใช้บัตร โจทก์ส่งใบแจ้งยอดรายการใช้บัตรเครดิตโดยกำหนดให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวภายในวันที่ 13 มิถุนายน 2548 ส่วนบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ โพธิ์วีซ่าทอง จำเลยใช้บัตรเครดิตครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2548 หลังจากนั้นโจทก์ระงับการใช้บัตร โจทก์ส่งใบแจ้งยอดรายการใช้บัตรเครดิตโดยกำหนดให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวภายในวันที่ 13 กันยายน 2548 ต่อมามีรายการชำระหนี้บัตรเครดิตข้างต้นหลายรายการ

 

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ 2 ปี หรือไม่ เห็นว่า เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงอันเกิดจากการกระทำของลูกหนี้อาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ รวมไปถึงการชำระหนี้ให้บางส่วน ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 สำหรับหนี้บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ มาสเตอร์การ์ด ข้อเท็จจริงปรากฏตามใบคำขอเป็นสมาชิกบัตรเครดิตพร้อมสัญญาการใช้บัตรเครดิตว่า จำเลยตกลงชำระหนี้บัตรเครดิตโดยยินยอมให้โจทก์หักเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของจำเลย และสัญญาการใช้บัตรเครดิต ข้อ 20 และ ข้อ 9.1 ระบุว่าหากมีการยกเลิกการใช้บัตรเครดิตไม่ว่าด้วยเหตุประการใด ให้ถือว่าเป็นการยกเลิกการใช้บัตรเครดิตเท่านั้น มิใช่เป็นการยกเลิกสัญญา และหากปรากฏว่ามียอดเงินเป็นลูกหนี้โจทก์ จำเลยตกลงที่จะชำระหนี้โดยให้โจทก์หักเงินจากบัญชีชำระหนี้ได้ การที่โจทก์หักเงินจากบัญชีออมทรัพย์ของจำเลยเพื่อชำระหนี้ดังปรากฏตามใบแจ้งยอดรายการบัตรเครดิตนั้น จึงเป็นกรณีที่จำเลยยอมชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงนั่นเอง หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์หักเงินจากบัญชีของจำเลยตามอำเภอใจไม่ ซึ่งจำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตดังกล่าวให้แก่โจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2549 ส่วนหนี้บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ โพธิ์วีซ่าทอง จำเลยไม่ได้ตกลงยินยอมให้โจทก์หักเงินจากบัญชีเงินฝากของจำเลยเพื่อชำระหนี้ดังเช่นบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ มาสเตอร์การ์ด หากแต่เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องชำระหนี้ตามใบแจ้งยอดหนี้ที่โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบ ปรากฏว่ามีรายการชำระหนี้บัตรเครดิตดังกล่าวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2548 จำนวน 25,000 บาท ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยชำระหนี้ดังกล่าวแก่โจทก์ด้วยความสมัครใจ กรณีจึงเป็นการรับสภาพหนี้ต่อโจทก์ด้วยการชำระหนี้ให้บางส่วนอันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (1) เช่นนี้นับแต่วันที่จำเลยชำระหนี้บัตรเครดิตทั้งสองบัตรให้แก่โจทก์ครั้งสุดท้ายจนถึงวันฟ้องเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2550 จึงยังไม่พ้นกำหนด 2 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร