สำนักงานกฎหมาย

นพนภัส

ทนายความเชียงใหม่

ใช้เงินส่วนตัวสร้างบ้านบ้านเป็นของใคร

หลายๆคนมีข้อสงสัยว่า หากใช้เงินส่วนตัวในการสร้างบ้านในระหว่างสมรสแล้ว บ้านจะเป็นสินส่วนตัวหรือสินสมรส คำตอบคือ บ้านเป็นสินส่วนตัว เพราะถือว่าเป็นการใช้สินส่วนตัวในการแปลงทรัพย์สินนั้น ส่งผลให้บ้านเป็นสินส่วนตัวไม่ใช้สินสมรส

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2563

โจทก์ใช้เงินสินส่วนตัวของโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเล็กๆ มีแต่หลังคาแต่ไม่มีฝาบ้านมาในระหว่างสมรส และใช้เงินสินส่วนตัวของโจทก์ในการก่อสร้างบ้าน โรงจอดรถ คอกวัว และศาลาริมน้ำในที่ดินพิพาทของโจทก์ แม้เป็นการก่อสร้างในระหว่างที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นสามีภริยากันก็จะถือว่าบ้านพิพาทเป็นทรัพย์สินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้มาระหว่างสมรสหาได้ไม่ บ้านพิพาทย่อมเป็นสินส่วนตัวของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1472 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากบ้านพิพาทและเรียกค่าเสียหายได้

 

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบที่ดินและบ้านคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์

จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินตามใบจอง (น.ส. 2) เล่มที่ 12 หน้า 94 สารบบเลขที่ 212 หมู่ที่ 2 ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด และบ้านเลขที่ 47/1 ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบที่ดินและบ้านพิพาทคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเดือนละ 20,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 ธันวาคม 2559) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านพิพาท กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ประกอบกิจการขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป และกิจการให้เช่าพระเครื่อง พระบูชา ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าเทศบาลเมืองตราด เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2556 โจทก์ทำสัญญาซื้อที่ดินส่วนหนึ่งตามใบจอง เล่มที่ 12 หน้า 94 สารบบเลขที่ 212 เนื้อที่ 15 ไร่ พร้อมบ้าน จากนางธัญกมล ราคา 630,000 บาท ชำระเงินครบถ้วนและได้รับมอบการครอบครองที่ดินพร้อมบ้านในวันทำสัญญา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 โจทก์กับจำเลยที่ 1 จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กับภริยาคนก่อน โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยที่ 1 ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตราด คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์ คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทด้วยเงินส่วนตัวของโจทก์ ที่ดินพิพาทจึงเป็นสินส่วนตัวของโจทก์โดยแท้ จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้ง ปัญหาดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบที่ดินและบ้านคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อย ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะออกจากที่ดินและบ้านของโจทก์

จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินตามใบจอง (น.ส. 2) เล่มที่ 12 หน้า 94 สารบบเลขที่ 212 หมู่ที่ 2 ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด และบ้านเลขที่ 47/1 ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด ให้จำเลยทั้งสองส่งมอบที่ดินและบ้านพิพาทคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเดือนละ 20,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 ธันวาคม 2559) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและบ้านพิพาท กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีให้เป็นพับ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ประกอบกิจการขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป และกิจการให้เช่าพระเครื่อง พระบูชา ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าเทศบาลเมืองตราด เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2556 โจทก์ทำสัญญาซื้อที่ดินส่วนหนึ่งตามใบจอง เล่มที่ 12 หน้า 94 สารบบเลขที่ 212 เนื้อที่ 15 ไร่ พร้อมบ้าน จากนางธัญกมล ราคา 630,000 บาท ชำระเงินครบถ้วนและได้รับมอบการครอบครองที่ดินพร้อมบ้านในวันทำสัญญา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 โจทก์กับจำเลยที่ 1 จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยที่ 2 เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กับภริยาคนก่อน โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยที่ 1 ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตราด คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์ คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทด้วยเงินส่วนตัวของโจทก์ ที่ดินพิพาทจึงเป็นสินส่วนตัวของโจทก์โดยแท้ จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาโต้แย้ง ปัญหาดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

บทความที่น่าสนใจ

-การด่าตำรวจจราจรว่ารับสินบนจะมีผิดความหรือไม่

-ด่ากันทางโทรศัพท์

-ส่งมอบโฉนดให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันต่อมาไปแจ้งความว่าโฉนดหายมีความผิดต้องโทษจำคุก

-การปลอมเป็นเอกสารจำเป็นต้องมีเอกสารที่แท้จริงหรือไม

-การลงลายมือแทนกันเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

-เมื่อครอบครองปรปักษ์ที่ดินแล้ว ต่อมาเกิดที่งอกใครเป็นเจ้าของที่งอกนั้น

-ซื้อที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร แล้วไปซื้อที่ดินข้างนอกที่ติดกับหมู่บ้าน
เพื่อเชื่อมที่ดินดังกล่าวเข้ากับที่ดินในหมู่บ้าน

-ขายฝากที่ดินต่อมาผู้ขายได้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดิน แต่ไม่ได้ไถ่ภายในกำหนดบ้านเป็นของใคร

-ไม่ได้เข้าร่วมในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม

-ปลูกต้นไม้ในทางสาธารณะสามารถฟ้องให้รื้อถอนออกไปได้

-การทำสัญญายอมในศาลโดยการครอบครองในป่าสงวน

-เจ้าของรวมนำโฉนดที่ดินไปประหนี้เงินกู้ผลเป็นอย่างไร